คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7217/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเปิดหน้าดินเพื่อตรวจสอบความเสียหายของเสาเข็มและการก่อสร้างอาคารเป็นขั้นตอนของงานที่จะต้องดำเนินการต่อหลังจากมีการตอกเสาเข็มเสร็จ ซึ่งแม้จะไม่ได้ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายว่าจะต้องดำเนินการเมื่อใด ก็ย่อมเป็นที่เข้าใจกันได้ว่าจำเลยจะต้องดำเนินการภายในระยะเวลาอันสมควร มิฉะนั้นโจทก์จะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา เมื่อจำเลยไม่ดำเนินการภายในระยะอันพอสมควรเพื่อเปิดหน้าดินและตรวจสอบความเสียหายนั้น จึงต้องถือว่าเสาเข็มที่โจทก์ตอกเสร็จแล้วไม่เกิดความเสียหาย จำเลยจึงต้องคืนเงินประกันให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยตามฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 223,982 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 197,953.21 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาโจทก์ถูกฟ้องล้มละลายและศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์โจทก์เด็ดขาด ต่อมาวันที่ 17 กรกฎาคม 2545 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องขอเข้าว่าคดีแทนโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 223,982 บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 197,953.21 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 9 กรกฎาคม 2542) ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 11,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความในศาลชั้นต้น 8,000 บาท ส่วนชั้นอุทธรณ์โจทก์ไม่แก้คดีจึงไม่กำหนดค่าทนายความให้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยต้องคืนเงินประกันดังกล่าวให้แก่โจทก์เมื่อใด จำเลยฎีกาสรุปได้ว่าจำเลยจะคืนเงินประกันให้แก่โจทก์ภายใน 30 วัน หลังจากได้มีการเปิดหน้าดินตรวจสอบความเสียหายของเสาเข็มแล้ว แต่ปัจจุบันจำเลยยังไม่ได้เปิดหน้าดินและตรวจสอบความเสียหายเพราะยังมิได้ก่อสร้างอาคาร เห็นว่า การเปิดหน้าดินเพื่อตรวจสอบความเสียหายของเสาเข็มและการก่อสร้างอาคารเป็นขั้นตอนของงานที่จะต้องดำเนินการต่อหลังจากมีการตอกเสาเข็มเสร็จแล้ว ซึ่งแม้จะไม่ได้ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายว่าจะต้องดำเนินการเมื่อใด ก็ย่อมเป็นที่เข้าใจกันได้ว่าจำเลยจะต้องดำเนินการภายในระยะเวลาอันสมควร มิฉะนั้นโจทก์จะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา หรือหากจำเลยไม่ดำเนินการเปิดหน้าดินและตรวจสอบความเสียหาย จำเลยก็ไม่ต้องคืนเงินค่าประกันแก่โจทก์เลย เช่นนี้ จึงน่าจะไม่ถูกต้อง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ตอกเสาเข็มให้จำเลยแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2540 นับจนถึงวันที่โจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยคืนเงินประกันเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2540 จึงเป็นระยะเวลาที่พอสมควรที่จำเลยจะต้องดำเนินการเปิดหน้าดินและตรวจสอบความเสียหายแล้ว เมื่อจำเลยไม่ดำเนินการ โจทก์ก็หาจำต้องบอกกล่าวให้จำเลยกระทำการก่อนดังที่จำเลยฎีกาไม่ การที่จำเลยไม่ดำเนินการภายในระยะอันพอสมควรเพื่อเปิดหน้าดินและตรวจสอบความเสียหายนั้น จึงต้องถือว่าเสาเข็มที่โจทก์ตอกเสร็จแล้วไม่เกิดความเสียหาย จำเลยจึงต้องคืนเงินประกันให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยตามฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share