แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๑ เวลากลางวันจำเลยกับพวกได้พูดจาหลอกลวงนายวง แล้วปล้นเอาเงินของนายวงไป ๕๐ บาท ที่ตำบลทุ่งนาป่อง จังหวัดเลย แลว่าจำเลยทั้ง ๒ คนนี้ได้เคยต้องโทษฐานลักเล่นการพนันมาคนละ ๑ ครั้งแล้ว ขอให้ลงโทษแลเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๓๐๑ – ๗๒ ฯ
จำเลยทั้ง ๒ คนให้การปฎิเสธข้อหา แก้ความว่า นายวงเจ้าทรัพย์กับนายตัน นายสังไปเล่นการพนันหมากกระสาย ถูกคนรวบเอาเงินไป จำเลยรับว่าได้เคยต้องโทษมาคนละครั้งจริง
ทางพิจารณาได้ความจากคำพยานโจทย์คือตัวนายวงเจ้าทรัพย์กับนายตัน นายสังเบิกความเปนพยานว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยมาขอยืมเงินนายวงที่เรือนนายวง ๕๐ บาท นายวงไม่ให้นายบุญตาจำเลยจึงได้บอกนายวงว่า มีพ่อค้าเอาทองคำกับนายวงมาขาย ให้นายวงออกเงิน ๕๐ บาท จำเลยจะออกเงิน ๑๐ บาท เท่าที่จำเลยมีอยู่เข้าหุ้นกันไปซื้อเอามาขายกำไรแบ่งปันกัน นายบุญตาของนายวงเปน ๖๐ บาท แล้วก็พากันลงจากเรือนไป ครั้นไปถึงตำบลทุ่งนาป่อง ห่างจากเรือนายวงเจ้าทรัพย์ประมาณ ๑๕ เส้น เห็นคน ๆ หนึ่งถือดาบแลลุงห่างนั่งอยู่ที่เชียงนา จำเลยอ้างว่าคนนี้และเปนพ่อค้าเอานอมาขายให้นายวงเอาเงินออกมา นายวงก็เอาเงินออกมา ๖๐ บาทวางลงในผ้า นายทองจำเลยก็เข้ารวยเอาเงินใส่ในถุงย่ามแล้ววิ่งหนีไป นายวงจะไล่ตามจับนายทอง นายบุญตาจำเลยเข้ากระชากแขนนายวงไว้จนนายวงหกล้ม แลพวกของจำเลยที่ว่าเปนพ่อค้านั้นชักดาพออกพูดขู่จะทำร้ายนายวงกับนายตัน นายสังที่ไปด้วยห้ามไม่ให้นายวงติดตามนายทองจำเลยไป แล้วนายบุญตากับพวกก็พากันหนีตามนายทองไป จำเลยนำพยานสืบว่า เมื่อจำเลยกับนายวงเดิรไปด้วยกัน นายวงได้บอกกับพยานของจำเลยว่าจะไปล่นการพนันหมากกระสาย แลเมื่อนายวงเดิรกลับมาก็ได้บอกกับพยานจำเลยว่าเสียไป ๕๐ บาท แลนายวงได้ตามทวงเงินนายบุญตาถึง ๒ ครั้ง ว่านายบุญตาจำเลยเล่นฉ้อโกงเอาเงินของนายวงไป ภายหลังขุนพินิจ ฯ ทนายความจึงได้ทำคำร้องให้นายวงไปยื่นต่ออำเภอหาว่า จำเลยเปนผู้ร้ายหลอกลวงปล้นเอาเงินของนายวง ได้ความจากคำพยานโจทย์จำเลยดังนี้
ศาลจังหวัดเลยฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทำผิดฐานปล้นทรัพย์ต้องด้วยกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๓๐๑ กำหนดโทษให้จำคุกจำเลยคนละ ๑๐ ปี แต่นายบุญตาจำเลยนั้น เคยต้องโทษแลพ้นโทษมาเกิน ๕ ปีแล้ว คงแต่ให้เพิ่มโทษนายทองจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๗๒ อีก ๑ ใน ๓ รวมเปนโทษจำคุกนายทอง ๑๓ ปี ๔ เดือน ฯ
อธิบดีมณฑลมีความเห็นแย้งว่า ตามคำพยานโจทย์จะลงโทษจำเลยยังไม่ได้ เพราะการที่นายวงได้เสียเงินไป ลงจะไม่ใช่จำเลยชิงฤาปล้น ตามสำนวนน่าเชื่อว่านายวงได้เสียทรัพย์ไปเพราะเล่นการพนัน ด้วยเมื่อเหตุเกิดขึ้นแล้ว นายวงเจ้าทรัพย์ก็มิได้แจ้งต่อเจ้าพนักงานในวันนั้น แลในที่เกิดเหตุก็ไม่ห่างไกลจากศาลากลางแลที่ว่าการอำเภอ ต่อมาในวัยหลังนายวงจึงไปจ้างขุนพิพนิจอักษรทนายความทำคำร้องกล่าวโทษจำเลยจึงเห็นว่าควรยกฟ้องโจทย์ปล่อยจำเลยไป ฯ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษฟังข้อเท็จจริงตามความเห็นแย้งอธิบดีว่า นายวงได้เล่นการพนันเสีย จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทย์ กลับคำตัดสินศาลเดิม ปล่อยจำเลยไป ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนเรื่องนี้แล้ว เห็นว่าตามคำพยานโจทย์ที่เบิกความว่าจำเลยหลอกลวงเอานายวงไปทำการปล้นทรัพย์นั้น เปนที่น่าสงสัย เพราะจำเลยได้นำสืบแสดงให้เห็นอยู่ว่า นายวงได้เสียทรัพย์ไปในทางเล่นการพนัน เมื่อคดีมีเหตุสงสัยเช่นนี้ ควรยกประโยชน์ความสงสัยให้เปนผลดีแก่จำเลย ให้ยกฎีกาโจทย์เสีย บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษนั้น ฯ
วันที่ ๖ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓