แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
คดีนี้โจทย์ฟ้องกล่าวโทษจำเลยว่า เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๑ เวลากลางวันหลังเที่ยง จำเลยสมคบกันลักโคของนายไชยจักรไปฆ่า ๑ ตัวราคา ๔๐ บาท เหตุเกิดที่ตำบลทุ่งนาบ้านนาเพียง จังหวัดหนองคาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๙๔ – ๓๒๑ และพระราชบัญญัติฆ่าโคกระบือแลสุกรศก ๑๑๙ มาตรา ๑๘ กับขอให้ใช้ราคาโคแก่เจ้าทรัพย์ด้วย ฯ
จำเลยให้การปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่ แต่นายพก นายบุญจันจำเลยแก้ว่า จำเลยจะไปดูโคตายกับนายซิ่วไปพบนายไชยจักรตามทางจึงชวนไปด้วยกัน พอไปถึงทรากโคนายไชยจักรบอกให้จำเลยเก็บเอาเนื้อโคไปกิน จำเลยจึงได้ช่วยกันเถือเนื้อโคนั้นมาต้มรับประทานทั้งนายไชยจักรเจ้าทรัพย์ก็ได้รับประทานเนื้อนั้นด้วย ฯ
ทางพิจารณาได้ความว่า เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๑ เวลากลางวันหลังเที่ยง นายผัดได้นำโคของนายไชยจักรไปเลี้ยงที่ทุ่งนาบ้านนาเพียงโคหายไป ๑ ตัวราคา ๔๐ บาท แต่ใครจะเปนผู้ร้ายลักเอาโคนั้นไปหาทราบไม่ ฝ่ายโจทย์มีพยานเบิกความว่าเมื่อรุ่งขึ้นวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๑ มีพยานได้เห็นนายพุดทาจำเลยพาโคตัวที่หายนี้ไปซุ่มไว้ในป่า ครั้งวันที่ ๒๙ เดือนเดียวกันนั้น นายพุดทาจำเลยได้เอาไม้ไปตีโค ครั้นโคตายแล้ว นายพุดทา นายพก นายบุญจันจำเลยกำลังช่วยกันเถือเนื้อโคตัวนั้นอยู่ ส่วนนางฝดจำเลยนั้นเปนภรรยานายบุญจันจำเลย นางฝดไม่ได้ช่วยเถือเนื้อโคกับเขาด้วยได้ความดังนี้ ฯ
แต่ศาลจังหวัดหนองคายสงสัยคำพยานโจทย์ พิพากษายกฟ้องโจทย์ปล่อยตัวจำเลยไป ฯ
โจทย์อุทธรณ ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเห็นว่า นายพุดทาจำเลยได้รับโคตัวนี้มาจากคนร้ายแลฆ่าโคตัวนั้นตาย แล้วจำเลยเหล่านั้นได้ช่วยกันเถือเอาเนื้อโคตัวนั้นไปรับประทาน พิพากษากลับคำตัดสินศาลจังหวัดว่า จำเลยทุกคนมีความผิดฐานสมรู้รับของโจรตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๓๒๑ ให้จำคุกจำเลยคนละ ๖ เดือน แลนายพุดทาจำเลยมีผิดฐานฆ่าโคโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติฆ่าโคกระบือแลสุกรศก ๑๑๙ มาตรา ๑๘ อีกกะทงหนึ่ง ให้ปรับเปนเงิน ๒๐ บาท กับให้จำเลยทั้ง ๔ คนช่วยกันใช้ราคาโคแก่เจ้าทรัพย์เปนเงิน ๔๐ บาทด้วย ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ประชุมปฤกษาคดีเรื่องนี้ตลอดแล้ว ได้ความว่าโคของนายไชยจักรที่หายนั้นไปตกอยู่ที่นายพุดทาจำเลย นายพุดทา นายพก นายบุญจันจำเลยได้ช่วยกันฆ่าโคแล้วเถือเอาเนื้อโคตัวนี้ไปรับประทานเช่นนี้ ที่ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษวางบทลงโทษนายพุดทา นายบุญจัน นายพกจำเลยฐานรับของโจรนั้นเปนผลดีแก่จำเลยอยู่แล้ว เว้นแต่ส่วนตัวนางฝดจำเลยนั้นเห็นว่า พยานหลักฐานโจทย์ยังไม่พอที่จะฟังว่าได้ร่วมมือในการกระทำผิดรายนี้ด้วยจึงพิพากษาให้แก้คำตัดสินศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษให้ปล่อยตัวนางฝดจำเลยหลุดพ้นโทษไป นอกจากที่แก้ไขนี้ให้คงตามคำตัดสินศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษ ฯ
วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓