แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้กรรมการตรวจฎีกาจำเลย อุทธรณ์คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษ
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่าจำเลยได้รับหมายเกณฑ์ทหารให้จำเลยมาให้เจ้าพนักงานคัดเลือกเข้าประจำการทหารรักษาวังในวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๒ จำเลยหลีกเลี่ยงขัดขืนเสีย หาได้มาตามกำหนดไม่ ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลักษณเกณฑ์ทหารมาตรา ๖๖ ฯ
จำเลยให้การรับว่าได้รับหมายเกณฑ์ทหารแล้วไม่ได้มาตามกำหนดจริง แต่แก้ว่าจำเลยเกิดปีจอมีอายุ ๒๒ ปีแล้ว ไม่ควรเข้ารับราชการทหาร ฯ
ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชพิจารณาคดีแล้ว ฟังว่าจำเลยเกิดปีจอ คือ พ.ศ.๒๔๔๑ นับแต่ปี พ.ศ. ๒๔๔๑ จนถึงปี พ.ศ.๒๔๖๒ คือปีที่เจ้าพนักงานจะให้จำเลยเข้ารับราชการอายุจำเลยได้ ๒๒ ปี ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชเห็นว่ายังไม่ควรเกณฑ์จำเลย ตามพระราชบัญญัติลักษณเกณฑ์ทหารมาตรา ๒๙ เพราะในมาตรา ๒๙ บัญญัติว่าให้เรียกคนอายุ ๒๑ ปีก่อน ถ้าไม่พอจึงให้เรียกคนอายุ ๒๒ ปี แต่เจ้าพนักงานได้จัดการตามพระราชบัญญัติไม่ จึงพิพากษายกฟ้องโจทย์ปล่อยจำเลยไป ฯ
โจทย์อุทธรณ ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเห็นว่า ถ้านับอายุของจำเลยแต่ปี พ.ศ.๒๔๔๑ จนถึงวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๒ ที่เจ้าพนักงานกำหนดให้จำเลยมาคัดเลือกเข้าประจำการทหารรักษาวัง อายุของจำเลยได้ ๒๑ ปีกับ ๑๐ วันเท่านั้น จะเรียกว่าจำเลยมีอายุ ๒๒ ปีไม่ได้ ฟังว่าจำเลยรับหมายแล้วขัดขืนหลีกเลี่ยงเสียไม่มาตามกำหนด จึงพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลเดิม ให้ลงโทษจำเลยฐานหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่มาให้เจ้าพนักงานคัดเลือกเข้าประจำการทหารตามพระราชบัญญัติลักษณเกณฑ์ทหารมาตรา ๖๖ ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๑ ปี ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา อ้างเหตุอย่างศาลเดิมวินิจฉัยมานั้นว่า จำเลยไม่ควรมีความผิด ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนเรื่องนี้แล้ว ปัญหาในคดีเรื่องนี้ว่าจำเลยมีอายุเท่าใดนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้จะนับตามพระราชบัญญัติลักษณเกณฑ์ทหารมาตรา ๒๑ ว่าคนเกิดในปี พ.ศ.๒๔๔๑ ให้นับว่าเกิดวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๑ ก็ดี มาจนถึงวันที่เจ้าพนักงานกำหนดให้จำเลยเข้ามาคัดเลือกเข้าประจำการทหาร คือ วันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๒ นับอายุของจำเลยได้ ๒๑ ปีกับ ๑๐ วันเท่านั้น ยังไม่ครบ ๒๒ ปี เจ้าพนักงานมีอำนาจออกหมายเกณฑ์จำเลยให้เข้ารับราชการทหารได้ ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษพิพากษาลงโทษจำเลยฐานหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่มาให้เจ้าพนักงานคัดเลือกเข้าประจำการทหารนั้นชอบแล้ว ให้ยกฎีกาของจำเลยเสีย ฯ
วันที่ ๒ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓