แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กรรมการตรวจฎีกาจำเลย อุทธรณ์คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษฯ
ย่อยาว
คดีนี้โจทย์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๒ เวลาพลบค่ำ จำเลยได้ฆ่านายล้อมซึ่งเปนพี่ชายใหญ่ตายโดยเจตนา ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๔๙ ๒๕๐ และ ๒๕๑ ฯ
จำเลยให้การรับว่า ได้เอามีดแทงไปที ๑ ถูกนายล้อมตายจริง โดยการป้องกันตัวที่นายล้อมกำลังทำร้ายจำเลยอยู่ ฯ
ฐานพิจารณาได้ความว่า เมื่อวันเกิดเหตุนายเก่งพี่ชายคนกลางของจำเลยได้มาขอเงินนายล้อมพี่ชายใหญ่ค่าจ้างตัดไม้ที่เรือนรายล้อม ฝ่ายจำเลยก็ขึ้นมาขอเงินนายเก่ง ๑ บาท ฝ่ายนายเก่งโยนเงินให้จำเลย ๑ บาท จำเลยพูดว่าให้ก็ให้ดี ๆ ซิจะมาโยนรดหัวทำไม ทันใดนั้นนายล้อมก็พูดขึ้นว่าอย่าพูดจองหองไป เขาให้แล้วจะไปไหนก็ไปเสีย จำเลยพูดว่าจองหองใครจะทำไมก็มา นายล้อมจึงหยิบไม้รวกอัน ๑ โตพอกำรอบ ยาวประมาณ ๓ ศอก ลุกไปจะตีจำเลย ๆ ก็หนีไปทางนอกชาลเรือนนายอยู่ซึ่งอยู่ติดกับนอกชาลเรือนนายล้อม ๆ เดิรตามไปตีจำเลย ๑ ที ถูกที่สันหลัง และยังจะตีซ้ำจำเลยอิกจำเลยจึงเอามีดซุยแทงนายล้อม ๑ ที ถูกนมข้างซ้ายแผลกว้างประมาณ ๑ นิ้ว มีโลหิตออกทางปากและจมูกนายล้อม ๆ ได้ตายในขณะนั้นเอง ฯ
ได้ความดังนี้ ศาลจังหวัดระยองเห็นว่าจำเลยไม่ได้ตั้งใจจะแทงให้นายล้อมตาย และทั้งกระทำเพื่อป้องกันตัวเพื่อไม่ให้นายล้อมมาทำอันตรายเอาอิกด้วย จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๕๑ ประกอบด้วยมาตรา ๕๓ จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด ๑ ปี ฯ
โจทย์อุทธรณ์ ฯ
ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษพิจารณาแล้ว เห็นว่ากิริยาที่จำเลยแทงนายล้อมนั้นได้ทำโดยตั้งใจจะให้ตาย มีความผิดตามมาตรา ๒๔๙ แต่จำเลยได้รู้สึกความผิด ได้เข้ามาหาเจ้าพนักงานโดยดี ควรปราณีย์ลดโทษให้จำเลยตามมาตรา ๕๙ จึงให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๑๐ ปี ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนแลปฤกษาคดีนี้ เห็นว่าความผิดของจำเลยควรตกอยู่ในฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามที่ศาลอุทธรณ์วางบทไว้นั้นชอบด้วยรูปความแล้ว ส่วนที่ศาลอุทธรณ์กำหนดโทษให้จำคุกจำเลยเบาเพียง ๑๐ ปี ก็โดยอาศรัยเหตุที่เมื่อขณะจำเลยทำร้ายนายล้อมนั้น เปนขณะที่นายล้อมกำลังจะตีซ้ำจำเลยอิก ทั้งจำเลยก็ได้เข้ามาหาเจ้าพนักงานโดยดีจึงเปนเครื่องแสดงให้เห็นว่าการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์นั้นพอเพียงแก่ความผิดของจำเลยแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นจึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษ ให้ยกฎีกาจำเลยเสีย ฯ
วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓