แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานวิสามัญสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ที่มีหน้าที่เรียกเก็บค่าเช่า ไม่มีหน้าที่เรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะนั้นถ้าไปเรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะย่อมได้ชื่อว่าเรียกเก็บเงินหรือทรัพย์ที่ไม่ควรจะเก็บและมิได้นำส่งต่อรัฐบาลก็เป็นผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 135
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานรับราชการเป็นเสมียนวิสามัญในสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จังหวัดนครปฐม มีหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าแผงลอยหาบเร่และค่าเช่า เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ส่งต่อสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2489 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจเรียกเก็บเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะร้าน อันเป็นเงินที่ไม่ควรจะเก็บจากนายฮกหลี แซ่เอี๊ยะ เป็นจำนวนเงิน 40 บาทแล้วคิดทุจริตเบียดบังเอาไว้เป็นประโยชน์ของจำเลยเสียเองขอให้ลงโทษตามมาตรา 135-314
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เงินหรือทรัพย์ที่ไปเรียกเก็บต้องเป็นเงินหรือทรัพย์ที่จำเลยมีหน้าที่อยู่ด้วย มิใช่หมายถึงเงินหรือทรัพย์อื่น ๆ ทั่วไป เช่นจำเลยมีหน้าที่เก็บค่าเช่าต่าง ๆ เงินหรือทรัพย์ที่ไม่ควรเก็บก็ต้องเป็นเงินค่าเช่าเท่านั้น หาได้หมายถึงเงินอื่น ๆเช่นค่าแป๊ะเจี๊ยะไม่ จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมีหน้าที่เก็บค่าเช่า ฯลฯ ไม่มีหน้าที่เรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะ ฉะนั้นการที่จำเลยไปเรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะ จึงได้ชื่อว่าจำเลยเรียกเก็บเงินหรือทรัพย์ที่ไม่ควรจะเก็บ และมิได้นำส่งรัฐบาลจึงเป็นความผิดตามมาตรา 135 ได้ จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ