แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองมีทั้งการขายโดยปลอดจำนอง และการขายโดยจำนองติดไป หากเป็นการขายทอดตลาดโดยปลอดจำนอง เจ้าหนี้จำนองย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่น ส่วนการขายทอดตลาดโดยจำนองติดไป ผู้รับจำนองยังมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนอง โดยบังคับจำนองเอาแก่ผู้รับโอนทรัพย์สินที่จำนองตามมาตรา 735 เมื่อจำเลยเป็นเพียงผู้รับโอนทรัพย์สินที่จำนองโดยการซื้อทรัพย์สินที่จำนองจากการขายทอดตลาด มิใช่คู่สัญญาตามสัญญาจำนอง จำเลยจึงเป็นบุคคลภายนอก ย่อมไม่ต้องรับผิดตามสัญญาจำนองและสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองที่ยอมให้บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นที่มิใช่ทรัพย์สินที่จำนอง แม้โจทก์ผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองโดยมิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือไม่ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 702 วรรคสอง แต่จำเลยผู้รับโอนทรัพย์สินที่จำนองก็มีหน้าที่เพียงปลดเปลื้องภาระจำนองด้วยการไถ่ถอนจำนอง ตามบทบัญญัติในบรรพ 3 ลักษณะ 12 หมวด 5 แห่ง ป.พ.พ. เท่านั้น ดังนั้น จำเลยจึงไม่ต้องชำระหนี้ตามสัญญาจำนองแก่โจทก์ และหากการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองได้เงินสุทธิไม่พอ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดแก่โจทก์อีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า บริษัทภัทราการ์เม้นท์ จำกัด ได้กู้ยืมเงินโจทก์ และเดินสะพัดทางบัญชีกับโจทก์โดยมีนายจรัลและนางสุวิมลนำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างมาจดทะเบียนจำนองเป็นประกัน โดยตกลงว่าหากบังคับจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ยอมชำระหนี้ส่วนที่ขาดให้แก่โจทก์จนครบถ้วน ต่อมาที่ดินแปลงดังกล่าวได้ถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 9274/2536 ของศาลชั้นต้น และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จำนองไว้แก่โจทก์ดังกล่าวโดยการจำนองติดไปให้แก่จำเลย ต่อมาโจทก์ได้ฟ้องบริษัทภัทราการ์เม้นท์ จำกัด กับพวกรวมทั้งนายจรัลและนางสุวิมลเป็นจำเลยต่อศาลแพ่งธนบุรีให้ชำระหนี้แก่โจทก์ และศาลแพ่งธนบุรีได้มีคำพิพากษาให้จำเลยในคดีดังกล่าวชำระหนี้แล้ว โจทก์จึงได้ติดตามทวงถามให้จำเลยชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองทรัพย์จำนอง แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 1,560,832.88 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 800,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดและยึดหรืออายัดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระเงินไถ่ถอนจำนองตามฟ้องให้แก่โจทก์ เนื่องจากจำเลยเป็นเพียงบุคคลภายนอกที่ประมูลซื้อทรัพย์พิพาทจากการขายทอดตลาดโดยสุจริต จำเลยไม่ใช่ลูกหนี้ชั้นต้นของโจทก์ และข้อตกลงในการจำนองทรัพย์พิพาทที่ว่าหากบังคับจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ยินยอมชำระส่วนที่ขาดให้จนครบถ้วนนั้น จำเลยไม่ได้ตกลงด้วย ผู้จำนองเดิมตกลงกับโจทก์ จึงไม่ผูกพันจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 1,560,832.88 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 800,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ เพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40245 ตำบลทวีวัฒนา (บางระมาด) อำเภอตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้าง หากจำเลยไม่ชำระหรือชำระไม่ครบ ให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินแปลงดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระแทน ถ้าได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้บังคับชำระหนี้เอากับทรัพย์สินอื่นของจำเลยจนครบ และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้เป็นเงิน 15,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ระหว่างพิจารณา บริษัทบริหารสินทรัพย์ เพชรบุรี จำกัด ยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ ศาลอุทธรณ์อนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์ ให้บังคับจำนองขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 40245 ตำบลทวีวัฒนา (บางระมาด) อำเภอตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้าง เพื่อชำระหนี้จำนอง 800,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ดอกเบี้ยคิดนับแต่วันฟ้องย้อนหลังขึ้นไป 5 ปี แต่ไม่เกิน 760,832.88 บาท ตามที่โจทก์ขอ และคิดนับถัดจากวันฟ้องต่อไปจนกว่าจะบังคับคดีเสร็จ หากขายทอดตลาดได้เงินสุทธิล้ำจำนวนดังกล่าวให้คืนส่วนที่ล้ำแก่จำเลย ถ้าได้เงินสุทธิไม่พอ จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระแก่โจทก์อีก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองมีทั้งการขายโดยปลอดจำนองและการขายโดยจำนองติดไป หากเป็นการขายทอดตลาดโดยปลอดจำนอง เจ้าหนี้จำนองย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่น ส่วนการขายทอดตลาดโดยจำนองติดไป ผู้รับจำนองยังมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองโดยบังคับจำนองเอาแก่ผู้รับโอนทรัพย์สินที่จำนองตามมาตรา 735 เมื่อได้ความว่าจำเลยเป็นเพียงผู้รับโอนทรัพย์สินที่จำนองโดยการซื้อทรัพย์สินที่จำนองจากการขายทอดตลาด มิใช่คู่สัญญาตามสัญญาจำนอง จำเลยจึงเป็นบุคคลภายนอกย่อมไม่ต้องรับผิดตามสัญญาจำนองและสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองที่ยอมให้บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นที่มิใช่ทรัพย์สินที่จำนอง แม้โจทก์ผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองโดยมิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือไม่ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 702 วรรคสอง แต่จำเลยเป็นผู้รับโอนทรัพย์สินที่จำนองซึ่งมีหน้าที่เพียงปลดเปลื้องภาระจำนองด้วยการไถ่ถอนจำนองตามบทบัญญัติในบรรพ 3 ลักษณะ 12 หมวด 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยไม่ต้องชำระหนี้ตามสัญญาจำนองแก่โจทก์ และหากขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองได้เงินสุทธิไม่พอ จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระแก่โจทก์อีก จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.