แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นลูกจ้างของผู้เสียหายได้ยักยอกเงินที่ลูกค้านำมาชำระให้ผู้เสียหายแล้วจำเลยใช้เอกสารสำเนาใบกำกับภาษี/ใบเสร็จรับเงินที่จำเลยปลอมขึ้นไปอ้างแสดงต่อผู้เสียหาย ก็เพื่อให้ผู้เสียหายเข้าใจว่าจำเลยนำเงินที่ลูกค้าชำระให้ผู้เสียหายส่งมอบให้แผนกการเงินของผู้เสียหายแล้ว แม้การใช้เอกสารสำเนาใบกำกับภาษี/ใบเสร็จรับเงินปลอมจะต่างวาระกับความผิดฐานยักยอก แต่ก็เป็นเจตนาของจำเลยที่จะใช้เอกสารสำเนาใบกำกับภาษี/ใบเสร็จรับเงินปลอมเป็นหลักฐานเพื่อยักยอกเงินของผู้เสียหายนั่นเอง ความผิดฐานใช้เอกสารปลอมและความผิดฐานยักยอกจึงเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงเป็นกรรมเดียว การกระทำของจำเลยในความผิดฐานใช้เอกสารปลอมและฐานยักยอก จึงเป็นกรรมเดียวกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 264, 265, 268, 352, 91 และให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่ยักยอกและยังไม่ได้คืน 5,140 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 268 วรรคหนึ่ง (ที่ถูก ต้องระบุว่าประกอบมาตรา 264), 352 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ. มาตรา 91 ฐานใช้เอกสารปลอม จำคุก 1 ปี ฐานยักยอก จำคุกกระทงละ 4 เดือน รวม 9 กระทง จำคุก 36 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 36 เดือน ให้จำเลยคืนเงินที่ยักยอกไปยังไม่ได้คืน 5,140 บาท แก่ผู้เสียหาย ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานใช้เอกสารปลอม จำคุก 6 เดือน ฐานยักยอก จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 9 กระทง เป็นจำคุก 18 เดือน รวมจำคุก 24 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยใช้เอกสารสำเนาใบกำกับภาษี/ใบเสร็จรับเงินปลอมไปอ้างแสดงต่อนางสาวหทัยรัตน์และผู้เสียหาย ก็เพื่อให้นางสาวหทัยรัตน์และผู้เสียหายเข้าใจว่าจำเลยนำเงินที่ลูกค้าชำระให้ผู้เสียหายส่งมอบให้แผนกการเงินของผู้เสียหายแล้ว แม้การใช้เอกสารสำเนาใบกำกับภาษี/ใบเสร็จรับเงินปลอมจะต่างวาระกับความผิดฐานยักยอก 6 กระทง แต่ก็เป็นเจตนาของจำเลยที่จะใช้เอกสารสำเนาใบกำกับภาษี/ใบเสร็จรับเงินปลอมเป็นหลักฐานเพื่อยักยอกเงินของผู้เสียหายนั่นเอง ความผิดฐานใช้เอกสารปลอมและความผิดฐานยักยอก 6 กระทง จึงเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงเป็นกรรมเดียว การกระทำของจำเลยในความผิดฐานใช้เอกสารปลอมและฐานยักยอก 6 กระทง จึงเป็นกรรมเดียวกัน และเมื่อปรากฏว่าระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาจำเลยนำเงินจำนวน 5,140 บาท มาวางศาลเพื่อคืนให้แก่ผู้เสียหายแล้ว ดังนั้น ความรับผิดในทางแพ่งของจำเลยเป็นอันระงับไป ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองและแก้ไขให้ถูกต้องได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยในความผิดฐานใช้เอกสารปลอมและความผิดฐานยักยอก 6 กระทง เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทที่มีอัตราโทษเท่ากัน เห็นสมควรลงโทษฐานยักยอก ตาม ป.อ. มาตรา 90 รวม 6 กระทง เป็นจำคุก 12 เดือน เมื่อรวมกับโทษจำคุกในความผิดฐานยักยอกอีก 3 กระทง เป็นจำคุก 18 เดือน ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยคืนเงินที่ยักยอกไปยังไม่ได้คืน 5,140 บาท แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8.