คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3775/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องขออนุญาตทำการขีดฆ่าอากรแสตมป์ในหนังสือสัญญากู้หรือขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ขีดฆ่าอากรแสตมป์ก่อนหรือในขณะที่ได้นำเอกสารนั้นมาอ้างเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งหรือก่อนที่ศาลชั้นต้นจะตัดสินชี้ขาดคดี การที่โจทก์เพิ่งมายื่นคำร้องหลังจากที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีแล้ว โดยศาลอุทธรณ์ปฏิเสธที่จะรับฟังหนังสือสัญญากู้ดังกล่าว ย่อมล่วงเลยเวลาที่จะอนุญาตให้ทำการแก้ไข จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขีดฆ่าอากรแสตมป์ในหนังสือสัญญากู้
การที่จำเลยทำสัญญาจำนองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภริยา คงมีผลเพียงว่า ภริยาจำเลยอาจฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมจำนองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 แต่ตราบใดสัญญาจำนองยังไม่ถูกศาลเพิกถอน ย่อมยังคงมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
สัญญากู้เงินและสัญญาจำนอง เป็นนิติกรรมคนละประเภทที่สามารถแยกออกจากกันได้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยตามสัญญากู้เงิน เมื่อสัญญากู้เงินไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐาน ย่อมไม่อาจนำเอาอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ในสัญญาจำนองมาบังคับการกู้เงินรายนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๒,๔๖๖,๐๕๔,.๔๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๙.๗๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑,๘๙๙,๒๘๖.๕๙ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากขายทรัพย์จำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ต้องรับต่อโจทก์เพราะจำเลยไม่มีเจตนาทำสัญญากู้เงิน ไม่เคยรับเงินที่กู้ ไม่เคยตกลงยอมเสียดอกเบี้ยและยอมรับการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตามฟ้อง อีกทั้งจำเลยไม่เคยและไม่ได้มอบอำนาจให้จดทะเบียนจำนองแก่โจทก์ตามเอกสารท้ายฟ้องซึ่งเป็นเอกสารปลอมที่โจทก์จัดทำขึ้นฝ่ายเดียว จำเลยมิได้สมัครใจและไม่เคยอ่านข้อความในสัญญาซึ่งไม่เป็นธรรม ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนและมิได้รับความยินยอมจากภริยาของจำเลย จึงใช้บังคับไม่ได้ โจทก์คิดดอกเบี้ยผิดพลาดซ้ำซ้อนและเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด โจทก์ไม่เคยมีหนังสือบอกกล่าวและบังคับจำนองไปยังจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๒,๔๖๖,๐๕๔.๔๘ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๙.๗๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑,๘๙๙,๒๘๖.๕๙ บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๔๑) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๘๒๕๘ และ ๗๘๖๑๑ ตำบลบางกะปิ (ลาดพร้าวฝั่งเหนือ) อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ หากขายทรัพย์จำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๑๐,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๑,๘๙๙,๒๘๖.๕๙ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในต้นเงินดังกล่าวอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๔๑ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ในเบื้องต้นเห็นสมควรวินิจฉัยคำร้องของโจทก์ฉบับลงวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๔ ที่ขออนุญาตทำการขีดฆ่าอากรแสตมป์ในหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ. ๕ หรือขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ขีดฆ่าอากรแสตมป์ดังกล่าวเสียก่อน เห็นว่า การร้องขอดังกล่าวโจทก์ชอบที่จะกระทำเสียก่อนหรือในขณะที่ได้นำเอกสารนั้นมาอ้างเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง หรือก่อนที่ศาลชั้นต้นจะตัดสินชี้ขาดคดี การที่โจทก์เพิ่งมายื่นคำร้องดังกล่าวหลังจากที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีไปแล้ว โดยศาลอุทธรณ์ปฏิเสธที่จะรับฟังหนังสือสัญญากู้เงินดังกล่าว ย่อมล่วงเลยเวลาที่จะอนุญาตให้ทำการแก้ไข จึงมีคำสั่งไม่อนุญาต
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าที่ดินที่จำนองเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับภริยา จำเลยทำสัญญาจำนองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภริยา สัญญาจำนองจึงไม่สมบูรณ์นั้น เห็นว่า หากเป็นจริงดังที่จำเลยอ้าง คงมีผลเพียงว่าภริยาจำเลยอาจฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมจำนองนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๘๐ แต่ตราบใดสัญญาจำนองยังไม่ถูกศาลเพิกถอน ย่อมยังคงมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ในหนังสือสัญญาจำนองและสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกันเอกสารหมาย จ. ๙ และ จ. ๑๐ ได้ระบุอัตราดอกเบี้ยไว้เหมือนกับในหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ. ๕ จึงถือได้ว่าการกู้ยืมเงินรายนี้มีการตกลงเรื่องดอกเบี้ยกันไว้นั้น เห็นว่า สัญญากู้เงินและสัญญาจำนอง เป็นนิติกรรมคนละประเภทที่สามารถแยกออกจากกันได้ เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยตามสัญญากู้เงิน เมื่อสัญญากู้เงินไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐาน ย่อมไม่อาจนำเอาอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ในสัญญาจำนองมาบังคับการกู้เงินรายนี้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์และจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share