แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทำสัญญาเช่าบ้านจากจำเลยที่ 1 และได้วางเงินประกันความเสียหายอันเกิดจากการเช่าไว้แก่จำเลยที่ 1 โดยมีข้อตกลงในสัญญาเช่าว่า จำเลยที่ 1 จะคืนเงินดังกล่าวให้เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลงและโจทก์ได้ขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากบ้านเช่าแล้วก่อนสัญญาเช่าสิ้นสุดจำเลยที่ 1 ได้โอนขายบ้านให้แก่จำเลยที่ 2 โดยไม่ได้มอบเงินประกันความเสียหายให้แก่จำเลยที่ 2 และไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับเงินนี้ขึ้นใหม่ระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์ ดังนี้ เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลงและโจทก์ได้ขนย้ายทรัพย์สินออกไปแล้ว โจทก์จะฟ้องเรียกเงินประกันความเสียหายคืนจากจำเลยที่ 2 ไม่ได้ เพราะจำเลยที่ 2 ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์บ้านไม่จำต้องรับเอาความรับผิดที่จำเลยที่ 1 จะต้องคืนเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 วรรคสอง แต่อย่างใดเนื่องจากการคืนเงินนี้เป็นเพียงสิทธิและหน้าที่อื่นตามสัญญาเช่าไม่ใช่สาระสำคัญเกี่ยวกับสัญญาเช่าจึงหาใช่หน้าที่ตามสัญญาเช่าที่ผู้รับโอนจะต้องรับผิดและปฏิบัติตามไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทำสัญญาเช่าบ้านจากจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๓ ปีและโจทก์ได้วางเงินประกันความเสียหายอันเกิดจากการเช่าเป็นเงิน ๙๐,๐๐๐ บาท โดยจำเลยที่ ๑ จะคืนเงินดังกล่าวให้โจทก์เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลงและโจทก์ได้ออกจากบ้านเช่าแล้ว ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้โอนกรรมสิทธิ์บ้านเช่าดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ ๒ เมื่อครบกำหนดอายุการเช่า โจทก์ขนย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านเช่า และขอรับเงินประกันคืนจากจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองไม่คืนให้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองคืนเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์และไม่ได้รับเงินประกันความเสียหายจากโจทก์ โจทก์ชอบที่จะฟ้องเรียกเงินดังกล่าวจากจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ รับโอนมาเพียงสิทธิและหน้าที่เฉพาะเรื่องการเช่า ส่วนเงินประกันความเสียหายเป็นเรื่องนอกเหนือจากการเช่า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ คืนเงิน ๙๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๖กันยายน ๒๕๒๗ จนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาที่ว่า จำเลยที่ ๒ ต้องคืนเงินประกันความเสียหายตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.๑ ให้แก่โจทก์หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์เช่าบ้านจำเลยที่ ๑และได้วางเงินประกันความเสียหายไว้แก่จำเลยที่ ๑ จำนวน ๙๐,๐๐๐ บาท โดยมีข้อตกลงกันในสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.๑ ว่า จำเลยที่ ๑ จะคืนเงินดังกล่าวให้เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลงและโจทก์กับบริวารได้ขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากบ้านเช่าแล้ว ในระหว่างอายุสัญญาเช่ายังไม่สิ้นสุดลง จำเลยที่ ๑ โอนขายบ้านดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๒๕ โดยไม่ได้มอบเงินประกันความเสียหายให้แก่จำเลยที่ ๒ เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลง โจทก์และบริวารได้ขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากบ้านเช่าดังกล่าวแล้ว พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยที่ ๒ ซื้อบ้านที่โจทก์เช่าก่อนสัญญาสิ้นสุดลงเป็นเวลาประมาณ ๒ ปี เมื่อไม่ปรากฏหลักฐานโดยแจ้งชัดว่า ได้มีข้อตกลงเกี่ยวกับเงินประกันความเสียหายที่โจทก์วางไว้กับจำเลยที่ ๑ ดังกล่าวขึ้นใหม่ระหว่างจำเลยที่ ๒ กับโจทก์ จำเลยที่ ๒ ผู้รับโอนกรรมสิทธิบ้านที่ให้โจทก์เช่าหาจำต้องรับเอาความรับผิดที่จำเลยที่ ๑ จะต้องคืนเงินประกันความเสียหายให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๕๖๙ วรรคสอง แต่อย่างใดไม่ เพราะความรับผิดในการคืนเงินประกันความเสียหายเป็นเพียงสิทธิและหน้าที่อื่นตามสัญญาเช่า ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ไม่ใช่สาระสำคัญเกี่ยวกับสัญญาเช่าจึงหาใช่หน้าที่ตามสัญญาเช่าที่ผู้รับโอนจะต้องรับผิดและปฏิบัติตามไม่
พิพากษายืน.