แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาโดยให้เหตุผลว่าโจทก์ที่ 2 ไม่ใช่คนอนาถาประการหนึ่ง และคดีไม่มีมูลที่จะฟ้องร้องอีกประการหนึ่ง โจทก์ที่ 2 มิได้อุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตอีกให้โจทก์ที่ 2 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โจทก์ที่ 2 ย่อมหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสุดท้าย ประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดว่าคดีของโจทก์ที่ 2 ไม่มีมูลฟ้องร้องย่อมยุติ ดังนั้น แม้ศาลจะอนุญาตให้โจทก์นำพยานสืบเพิ่มเติมตามคำร้องของโจทก์ที่ 2 และฟังได้ว่าโจทก์ที่ 2 เป็นคนยากจนก็ตาม แต่คดีต้องฟังยุติว่าคดีของโจทก์ที่ 2 ไม่มีมูลจะฟ้องร้อง ศาลก็จะอนุญาตให้โจทก์ที่ 2 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาหาได้ไม่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์ที่ 2 ใหม่ เพื่อนำพยานหลักฐานมาแสดงว่าโจทก์ที่ 2 ยากจนจริง โดยไม่ทำการไต่สวนนั้น จึงชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายฉ่ำ คงอ่อน ขอรับมรดกและทำลายพินัยกรรม พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าโจทก์ทั้งสองไม่ใช่คนอนาถา และคดีไม่มีมูลที่จะฟ้องร้อง ไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา กำหนดเวลาให้นำส่งเงินค่าธรรมเนียมมาชำระ โจทก์ที่ ๑ ชำระภายในกำหนด โจทก์ที่ ๒ ขอผัด ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผัด ๓ ครั้ง เมื่อจะครบครั้งที่ ๓ โจทก์ที่ ๒ กลับยื่นคำร้องว่า หาเงินไม่ได้ คดีมีมูลที่จะชนะแต่ยากจน ขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ เพื่อนำพยานมาแสดเพิ่มเติมว่า ยากจนจริง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ที่ ๒ จะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ ก็เฉพาะข้อที่ตนเป็นคนยากจนเท่านั้น ให้ยกคำร้อง
โจทก์ที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามคำร้องโจทก์ที่ ๒ แสดงว่าโจทก์ที่ ๒ ไม่มีพยานใหม่มาแสดงต่อศาล ไต่สวนไปคงไม่ได้ความเพิ่มเติมจากเดิม พิพากษายืน
โจทก์ที่ ๒ ฎีกาว่า สามารถนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมจากเดิมว่าเป็นคนยากจน ขอให้ศาลฎีกาสั่งอนุญาตให้นำพยานหลักฐานใหม่มาแสดงเพิ่มเติมว่าโจทก์ที่ ๒ เป็นคนยากจนลงในภายหลังด้วย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์โดยให้เหตุผลว่าโจทก์ไม่ใช่คนอนาถาประการหนึ่ง และคดีไม่มีมูลจะฟ้องร้อง เพราะโจทก์ที่ ๒ ไม่คัดค้านพินัยกรรมไว้ในคดีที่โจทก์ที่ ๒ เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๒๖๓/๒๕๑๓ ของศาลชั้นต้น โจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้ว่าพินัยกรรมปลอมเป็นการดำเนินการกระบวนพิจารณาซ้ำอีกประการหนึ่ง โจทก์ที่ ๒ มิได้อุทธรณ์คำสั่ง คงขอผัดชำระค่าธรรมเนียมศาลจนจะครบกำหนดผัดครั้งที่ ๓ โจทก์ที่ ๒ จึงขอให้ศาลพิจารณาคำขออนาถาใหม่เมื่อพ้นกำหนด ๗ วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ที่ ๒ ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ดังนี้ โจทก์ที่ ๒ ย่อมหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแห่งมาตรา ๑๕๖ วรรคสุดท้าย ประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดว่าคดีของโจทก์ไม่มีมูลจะฟ้องร้องย่อมเป็นอันยุติ ดังนั้น แม้ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ที่ ๒ นำพยานหลักฐานมาสืบเพิ่มเติมและฟังได้ว่าโจทก์ที่ ๒ เป็นคนยากจนก็ตาม แต่คดีก็ต้องฟังตามข้อยุติว่าคดีของโจทก์ไม่มีมูลจะฟ้องร้อง ซึ่งศาลจะอนุญาตให้โจทก์ที่ ๒ ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาหาได้ไม่ ศาลฎีกาเห็นด้วยในผลของคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำร้องของโจทก์ที่ ๒
พิพากษายืน