แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้เป็นวิธีการบังคับคดีที่โจทก์ในคดีอื่นสามารถยื่นคำขอเข้ามาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา290เป็นวิธีการบังคับคดีอย่างหนึ่งที่แตกต่างกับการบังคับคดีด้วยการยึดทรัพย์และขายทอดตลาดซึ่งเป็นวิธีการที่กำหนดในหมายบังคับคดีในคดีอื่นตามมาตรา275(3)คำขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องในคดีนี้จึงนอกเหนือจากและมิอาจอาศัยตามหมายบังคับคดีที่ออกตามคำพิพากษาในคดีอื่นนั้นผู้ร้องเพิ่มมายื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา10ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาในคดีอื่นนั้นแล้วจึงไม่ชอบด้วยมาตรา271
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 39634 ของจำเลยที่ 1 และขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 1 ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 12937/2521 ของศาลชั้นต้นจำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะบังคับชำระหนี้ได้ ขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยหนี้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1
โจทก์คัดค้านว่า หนี้ตามคำพิพากษาในคดีที่ผู้ร้องนำมายื่นคำร้องขอเฉลี่ยได้พ้นกำหนดเวลาในการบังคับคดีไปแล้ว กล่าวคือศาลได้พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม2521 โดยจำเลยยอมชำระหนี้แก่ผู้ร้องเป็นรายงวด และต้องชำระให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี ซึ่งวันสุดท้ายคือวันที่ 11 ธันวาคม 2523เมื่อนับถึงวันที่ 3 กันยายน 2536 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์จึงเกิน 10 ปี ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเฉลี่ยทรัพย์ได้ตามคำร้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาตามยอดของศาลแพ่งคดีหมายเลขแดงที่ 12937/2521 เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2521 ซึ่งจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้ผู้ร้องเสร็จสิ้นภายใน 2 ปี คือวันที่ 11 ธันวาคม 2523 แต่จำเลยที่ 1 มิได้ปฎิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวผู้ร้องได้ยื่นคำขอออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2524 และดำเนินการบังคับคดีด้วยการยึดทรัพย์จำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาดแล้วแต่ยังชำระหนี้ไม่ครบและเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2536 ผู้ร้องจึงได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยหนี้ในคดีนี้
คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า ผู้ร้องจะอาศัยหมายบังคับคดีในคดีอื่น เพื่อดำเนินการขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาในคดีอื่นนั้นแล้วได้หรือไม่ เห็นว่า การขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ เป็นวิธีการบังคับคดีที่โจทก์ในคดีอื่นสามารถยื่นคำขอเข้ามาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 เป็นวิธีการบังคับคดีอย่างหนึ่งที่แตกต่างกับการบังคับคดีด้วยการยึดทรัพย์และขายทอดตลาด ซึ่งเป็นวิธีการที่กำหนดในหมายบังคับคดีในคดีอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275(3) คำขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องในคดีนี้จึงนอกเหนือและมิอาจอาศัยตามหมายบังคับคดีที่ออกตามคำพิพากษาในคดีอื่นนั้นแต่ประการใด ที่ผู้ร้องเพิ่งมายื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาในคดีอื่นนั้นแล้ว จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 คำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสอง ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษากลับเป็นว่า ให้ยกคำขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้อง