แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 4 นั่งมาในรถที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับจำเลยที่ 1 ขับรถปาดหน้ารถยนต์โจทก์ร่วมและเมื่อโจทก์ร่วมได้ขับรถแซงรถของจำเลยขึ้นไป รถของจำเลยเร่งแซงขึ้นหน้าและได้มีการมองหน้ากัน ในขณะที่รถจำเลยแซงขึ้นหน้าไปนั้นเอง จำเลยที่ 4 ได้ขว้างก้อนอิฐมาถูกกระจกหน้ารถโจทก์ร่วมแตก เมื่อถูกขว้างรถ โจทก์ร่วมก็ขับรถตามไปจนทันและร้องบอกให้รถจำเลยหยุด จำเลยที่ 1 ก็ไม่หยุดกลับขับเบียดกระโปรงข้างซ้ายหน้ารถของโจทก์ร่วม เป็นพฤติการณ์แวดล้อมที่ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 4 กระทำผิดด้วยกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,358
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันใช้ก้อนหินโยนใส่กระจกหน้ารถยนต์ของนายนพปฏล ทรัพย์สิรินทร์ แตกเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 83
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
นายนพปฏลยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 83 จำคุกคนละ 6 เดือน ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 และที่ 3
จำเลยที่ 1 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 4 ด้วยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จะได้ความว่าจำเลยที่ 4 แต่ผู้เดียวเป็นคนขว้างก้อนอิฐมาถูกกระจกหน้ารถโจทก์ร่วมแตกก็ตาม แต่มูลเหตุที่จำเลยที่ 4 ขว้างก้อนอิฐไปที่หน้ากระจกหน้ารถโจทก์ร่วมนั้นสืบเนื่องมาจากรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับขี่ได้ขับปาดหน้ารถยนต์โจทก์ร่วม และเมื่อโจทก์ร่วมได้ขับรถแซงรถของจำเลยขึ้นไป รถจำเลยก็เลยเร่งแซงขึ้นหน้าและได้มีการมองหน้ากัน ในขณะที่รถจำเลยแซงขึ้นหน้าไปนั้นเอง จำเลยที่ 4 ก็ได้ขว้างก้อนอิฐมาถูกกระจกหน้ารถโจทก์ร่วมแตก เมื่อถูกขว้างรถ โจทก์ร่วมก็ขับรถตามไปจนทันและร้องบอกให้รถจำเลยหยุด แต่จำเลยที่ 1 ก็ไม่หยุด กลับขับเบียดกระโปรงข้างซ้ายหน้ารถของโจทก์ร่วมจนประตูยุบ ทำให้รถยนต์โจทก์ร่วมกระดอนไปจนเกือบตกถนน เป็นพฤติการณ์แวดล้อมที่ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 4 กระทำผิดด้วยกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
พิพากษาแก้ เป็นให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น