คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7264/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ (ลูกจ้าง) ขับรถยนต์ของโจทก์ลงจากอาคารจอดรถของจำเลย (นายจ้าง) แล้วแสดงบัตรจอดรถที่มีตราประทับว่าบริการแผนกจัดเลี้ยง 14 ต่อ น. พนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งทำหน้าที่เก็บค่าบริการจอดรถ โจทก์จึงไม่เสียค่าจอดรถแก่จำเลย โจทก์ทราบดีว่าจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างมีข้อห้ามมิให้พนักงานนำรถขึ้นไปจอดบนอาคารจอดรถ และโจทก์ทราบอยู่แล้วว่าวันเกิดเหตุมีการนำรถขึ้นไปจอดโดยไม่มีสิทธิและไม่ได้รับการยกเว้น และโจทก์ควรจะแจ้งความจริงดังกล่าวให้ น. ทราบขณะยื่นบัตรจอดรถนั้น เป็นกรณีที่โจทก์แสดงบัตรจอดรถที่มีตราประทับว่าบริการแผนกจัดเลี้ยง 14 ต่อ น. เพื่อจอดรถโดยไม่ต้องเสียค่าจอดรถเท่านั้น โจทก์ได้รับผลเพียงการบริการจอดรถจากจำเลย โจทก์หาได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากจำเลยไม่ การกระทำของโจทก์จึงไม่เป็นความผิดอาญาฐานฉ้อโกงและมิได้เป็นการจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จำนวน 13,914 บาท ค่าชดเชยจำนวน 46,380 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของค่าชดเชยนับแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2541 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ จำนวน 46,380 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2541 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ขับรถยนต์ของโจทก์ลงจากอาคารจอดรถของจำเลยแล้วแสดงบัตรจอดรถที่มีตราประทับว่าบริการแผนกจัดเลี้ยง 14 ต่อนายนุกูลพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งทำหน้าที่เก็บค่าบริการจอดรถ โจทก์จึงไม่เสียค่าจอดรถแก่จำเลย โดยโจทก์ทราบดีว่าจำเลยมีข้อห้ามมิให้พนักงานนำรถขึ้นไปจอดบนอาคารจอดรถ และโจทก์ทราบอยู่แล้วว่าวันเกิดเหตุมีการนำรถขึ้นไปจอดโดยไม่มีสิทธิและไม่ได้รับการยกเว้น โจทก์ควรจะแจ้งความจริงดังกล่าวให้นายนุกูลทราบขณะยื่นบัตรจอดรถ การกระทำผิดฐานฉ้อโกงตามที่จำเลยให้การและอุทธรณ์ขึ้นมานั้นมิใช่กรณีที่ทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิ แต่เป็นความผิดตามมาตรา 341 ตอนแรก คือกรณีจะต้องได้ความว่าผู้กระทำผิดได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง คดีนี้ได้ความว่าโจทก์แสดงบัตรจอดรถที่มีตราประทับว่าบริการแผนกจัดเลี้ยง 14 ต่อนายนุกูลเพื่อจอดรถโดยไม่ต้องเสียค่าจอดรถเท่านั้น โจทก์ได้รับผลเพียงการบริการจอดรถจากจำเลย โจทก์หาได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากจำเลยไม่ การกระทำของโจทก์จึงไม่เป็นความผิดอาญาฐานฉ้อโกง และมิได้เป็นการจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ข้อต่อไปของจำเลยว่าที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าจำเลยมิได้นำสืบให้เห็นว่าค่าจอดรถที่จำเลยเสียหายมีมูลค่าเท่าใด และรายได้จากอาคารจอดรถมิใช่รายได้หลักของจำเลย อาคารจอดรถมีไว้บริการให้แก่แขกที่มาใช้บริการของโรงแรม การกระทำของโจทก์จึงไม่เป็นการฉ้อโกงและทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย เป็นการที่ศาลแรงงานกลางนำข้อเท็จจริงที่ไม่ปรากฏในการนำสืบมาวินิจฉัย และนำเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นมาพิจารณา ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณานั้น เห็นว่า ดังที่ได้วินิจฉัยแล้วว่าการกระทำของโจทก์มิได้เป็นการกระทำความผิดอาญาฐานฉ้อโกงจำเลย และมิได้จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ดังนั้น แม้จำเลยจะได้รับความเสียหายหรือไม่ดังที่จำเลยอุทธรณ์ก็ตาม ก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน.

Share