คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2102/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีเรื่องถอดถอนผู้พิทักษ์ ไม่เป็นคดีที่ทายาทจะรับมรดกความได้
คดีที่โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาถอดถอนจำเลยจากการเป็นผู้พิทักษ์โจทก์ เมื่อโจทก์ซึ่งอยู่ในความพิทักษ์ถึงแก่ความตายในระหว่างฎีกา ก็ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาฎีกาของจำเลยต่อไป ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมศาลมีคำสั่งให้จำเลยกับนางสุภา ศรีชุ่มสินเป็นผู้พิทักษ์โจทก์ร่วมกัน ต่อมาจำเลยใช้สิทธิโดยไม่สุจริตเก็บเงินค่าเช่าจากผู้เช่าบ้านของโจทก์นำไปเป็นประโยชน์ของจำเลยโดยไม่นำมามอบให้โจทก์ นางสุภา ศรีชุ่มสิน ได้ขัดขวางเพื่อประโยชน์ของโจทก์ตลอดมา และโจทก์ได้ห้ามจำเลยแล้ว แต่จำเลยไม่หยุดเก็บค่าเช่าทำให้โจทก์เสียหาย จึงขอให้ศาลพิพากษาถอนจำเลยจากการเป็นผู้พิทักษ์โจทก์
จำเลยให้การว่า นางสุภา ศรีชุ่มสิน ได้นำโจทก์ไปไว้ที่บ้านของตนและกีดกันจำเลยเพื่อแสวงหาประโยชน์จากทรัพย์สินของโจทก์ จำเลยไม่เคยรวบรวมทรัพย์ของโจทก์ไว้เป็นประโยชน์ของจำเลย ที่เก็บค่าเช่าก็เพื่อรักษาผลประโยชน์ของโจทก์ไว้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ถอนจำเลยจากการเป็นผู้พิทักษ์
จำเลยฎีกา
ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา นางสุภา ศรีชุ่มสิน ยื่นคำร้องว่าโจทก์ถึงแก่ความตาย และขอเข้ารับมรดกความเพื่อดำเนินคดีต่อไป ทนายจำเลยแถลงไม่คัดค้าน
ศาลฎีกาเห็นว่า ในเรื่องถอดถอนผู้พิทักษ์ไม่เป็นคดีที่ทายาทจะรับมรดกความของคู่ความที่ถึงแก่ความตายได้ เมื่อโจทก์ซึ่งอยู่ในความพิทักษ์ถึงแก่ความตาย ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาฎีกาของจำเลยต่อไป จึงให้จำหน่ายคดี คืนค่าตัดสิน และค่าคำบังคับให้แก่จำเลย

Share