คำวินิจฉัยที่ 20/2559

แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์เป็นเอกชนยื่นฟ้องจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๘ ซึ่งเป็นเอกชนด้วยกัน และจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๗ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และจำเลยที่ ๖ ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง ว่า โจทก์เป็นเจ้าของและครอบครองที่ดิน ตาม น.ส. ๓ ก. จำนวน ๔ แปลง โดย น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๓๑๑ และเลขที่ ๑๔๒๓ โจทก์ซื้อมาจากผู้มีชื่อ แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนโอน ได้ถูกจำเลยที่ ๒ นำชี้แนวเขตที่ดินรุกล้ำเข้าไปในแนวเขตที่ดินของโจทก์ทั้งสี่แปลง และจำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๕ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานที่ดินได้ออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยที่ ๒ ทับที่ดินของโจทก์ดังกล่าวบางส่วน จากนั้นจำเลยที่ ๒ ได้ขายที่ดินตามโฉนดดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ ๑ และ จำเลยที่ ๑ ได้นำที่ดินดังกล่าวไปจำนองเป็นประกันหนี้ไว้กับจำเลยที่ ๘ ทั้งที่จำเลยที่ ๒ ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน ไม่มีสิทธิในที่ดินส่วนที่ออกโฉนดทับที่ดินของโจทก์ การกระทำของจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๕ เป็นการร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ ๖ และที่ ๗ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาจึงต้องร่วมรับผิด และการซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๒ กับการจดทะเบียนจำนองระหว่างจำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๘ ตกเป็นโมฆะ ขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาทในส่วนที่ออกทับที่ดินของโจทก์ เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายและนิติกรรมจำนอง และให้จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๗ ร่วมกันชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย ส่วนจำเลยทั้งแปดให้การในทำนองเดียวกันว่า โจทก์มิใช่เจ้าของผู้ครอบครองที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๓๑๑ และเลขที่ ๑๔๒๓ จำเลยที่ ๒ มิได้นำชี้ที่ดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ จำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๕ ออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยที่ ๒ โดยชอบด้วยกฎหมายมิได้รุกล้ำที่ดินโจทก์หรือทับแนวเขตที่ดินของบุคคลอื่น สัญญาซื้อขายและสัญญาจำนองชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง เห็นว่า คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๘ ซึ่งเป็นเอกชนต่อศาลยุติธรรม โดยมี คำขอให้ศาลเพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาท เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายและนิติกรรมจำนอง และให้จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๗ ร่วมกันชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย อันเป็นการฟ้องคดีเพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษารับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดินของโจทก์ จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

Share