แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายในการละเมิดตกลงรับค่าเสียหายจากผู้ละเมิดไว้ในคดีอาญาและศาลจดรายงานพิจารณาว่าผู้เสียหายตกลงจะไม่ว่ากล่าวเอาโทษผู้ละเมิดซึ่งเป็นจำเลยในคดีอาญาอีกต่อไปเช่นนี้ถือว่าเป็นการประนีประนอมยอมความ ผู้เสียหายจะมาฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งอีกไม่ได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าเดิมโจทก์เป็นโจทก์ร่วมกับอัยการในคดีอาญาที่มีข้อหาว่าจำเลยที่ 1 ทำร้ายโจทก์ จำเลยที่ 1 ยอมใช้ค่าเสียหาย 1,200 บาท บัดนี้โจทก์มีความประสงค์จะขอค่าเสียหายเนื่องจากการทำร้ายของจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 4,200 บาท เพราะค่าเสียหายที่ได้รับไว้ไม่คุ้ม โจทก์ยอมหักเงินให้ 1,200 บาท ที่ได้รับไว้แล้วจากจำเลยที่ 1 คงขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 3,000 บาท จำเลยที่ 1 เป็นบุตรจำเลยที่ 2 ๆ ต้องรับผิดร่วมด้วย
จำเลยต่อสู้ซึ่งเป็นประเด็นสู่ศาลฎีกาว่าโจทก์พอใจยอมรับค่าเสียหายและรักษาพยาบาลจากจำเลยที่ 1 แล้วคดีย่อมระงับไปแล้วจำเลยขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24
ศาลชั้นต้นเห็นว่าหลักฐานในคดีอาญาไม่ใช่สัญญาประนีประนอมเรื่องค่าเสียหายในทางแพ่ง ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์มีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดได้ครั้งเดียว จะมาฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนอีกไม่ได้พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าในคดีอาญาโจทก์ยอมรับค่าเสียหายไปแล้วถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้ว การเรียกร้องค่าเสียหายของโจทก์เป็นอันระงับไปพิพากษายืน