แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยฉุดคร่าโจทก์ร่วมจากทางเดินพาเข้าไปในไร่อ้อยข้างทางห่างประมาณ 10 เส้นแล้วจึงข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 284 และ 310 กระทงหนึ่งกับเป็นความผิดตามมาตรา 276 อีกกระทงหนึ่ง ไม่ใช่เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2513 เวลาประมาณ 18.30 น.จำเลยมีปืนเป็นอาวุธติดตัวไปและใช้วาจาขู่เข็ญบังคับด้วยกำลังกายประทุษร้ายปลุกปล้ำฉุดคร่าข่มขืนใจนางสาวเกียง แซ่ลี้ พาไปเพื่อการอนาจาร แล้วหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ในวันเดียวกันนี้เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเรานางสาวเกียง แซ่ลี้ ซึ่งมิใช่ภริยาของตนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้งโดยที่นางสาวเกียง แซ่ลี้ อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 284, 310
จำเลยให้การปฏิเสธ
นางสาวเกียง แซ่ลี้ ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 284, 310 ลงโทษตามมาตรา 276 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 ให้จำคุกสามปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ฉุดคร่าโจทก์ร่วมจากทางเดินและพาเข้าไปในไร่อ้อยข้างทาง ห่างประมาณ 10 เส้น แล้วได้ข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมจริง และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง และลงโทษจำเลยตามมาตรา 276 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดนั้น ยังคลาดเคลื่อนอยู่ เพราะการกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นเป็นความผิดตามมาตรา 284 และ 310 กระทงหนึ่ง กับเป็นความผิดตามมาตรา 276 อีกกระทงหนึ่ง
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 284, 310 ลงโทษจำเลยตามมาตรา 276 ซึ่งเป็นกระทงที่หนักที่สุด ให้จำคุกจำเลย 3 ปี