แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
สามีของโจทก์เอาประกันชีวิตกับบริษัทจำเลยโดยปกปิดความจริงและแถลงเท็จว่าไม่เคยให้แพทย์คนใดวินิจฉัยโรคมาก่อน ทั้งที่สามีของโจทก์เป็นโรคตับแข็งและโรคในลำคออยู่ก่อน ทำให้บริษัทจำเลยไม่อาจบอกปัดไม่ยอมรับประกันชีวิตเสียได้ สัญญาประกันชีวิตจึงตกเป็นโมฆียะ แต่บริษัทจำเลยไม่ใช้สิทธิบอกล้างเสียภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันทราบมูลอันจะบอกล้างได้จึงหมดสิทธิจะบอกล้าง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านายเม่งสุย แซ่จึง สามีโจทก์ทั้งสามได้เอาประกันชีวิตไว้กับบริษัทจำเลยในจำนวนทุนประกันหนึ่งล้านบาท ระบุให้โจทก์ทั้งสามเป็นผู้รับประโยชน์ นายเม่งสุยได้สิ้นชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่หลอดอาหาร โจทก์ขอรับเงินประกันชีวิต จำเลยปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินประกันชีวิตแก่โจทก์ทั้งสามหนึ่งล้านบาท รวมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
จำเลยให้การว่าสามีโจทก์ทำกลฉ้อฉล เคยป่วยเป็นโรคตับแข็งและโรคเกี่ยวกับลำคอ ต่อมน้ำเหลืองใต้ขากรรไกรล่างอักเสบและต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง แต่ปกปิดความจริงตอนทำสัญญาประกันชีวิตสัญญาตกเป็นโมฆียะ จำเลยได้บอกล้างแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินหนึ่งล้านบาทให้โจทก์ทั้งสามพร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นายเม่งสุยผู้เอาประกันชีวิตมีสุขภาพไม่สมบูรณ์มาก่อนขอประกันชีวิตกับบริษัทจำเลย เพราะเคยเป็นโรคตับแข็งและโรคในลำคอ นายเม่งสุยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นโรคร้ายอะไรบ้างกลับละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริง ทั้งแถลงเท็จเพื่อปกปิดความจริงเสียในเวลาเอาประกันชีวิต ทำให้บริษัทไม่รู้ถึงความจริงในข้อสารสำคัญ ไม่มีโอกาสตรวจทดสอบว่าโรคนั้น ๆ หายปกติหรือยังหากทดสอบแล้วยังไม่หายอาจบอกปัดไม่ยอมรับประกันชีวิตเสียได้ สัญญาประกันชีวิตรายนี้จึงตกเป็นโมฆียะ ซึ่งบริษัทจำเลยอาจใช้สิทธิบอกล้างเสียได้ภายในกำหนด 1 เดือนนับแต่วันทราบมูลอันจะบอกล้างได้ และวินิจฉัยต่อไปว่า”ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 วรรคสอง กำหนดระยะเวลาการใช้สิทธิบอกล้างไว้เพียงเดือนเดียว ในกรณีที่ผู้รับประกันภัยทราบมูลอันจะบอกล้างได้ แสดงว่าประสงค์ให้การบอกล้างเป็นไปโดยมิชักช้าภายในเวลาจำกัดระยะสั้น เพื่อมิให้กระทบกระเทือนเสียหายต่อผู้รับประโยชน์ เมื่อทราบเหตุแล้วจะเพิกเฉยละเลยให้เกินกว่าหนึ่งเดือนไม่ได้ คำว่า “มูล” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานมีความหมายถึง โคน ราก เค้า ต้น ที่ตั้ง เดิมความมุ่งหมายของกฎหมายมาตรานี้ก็คือ เมื่อรู้ถึงเค้าเรื่องหรือต้นเรื่องเดิมของโมฆียะกรรมว่าเกิดจากอะไรแล้ว ย่อมใช้สิทธิบอกล้างได้ทันที ไม่จำเป็นต้องค้นคว้าเพื่อทราบความจริงที่เป็นยุติแน่นอนก่อนบอกล้างแต่อย่างไร ปรากฏว่านายแพทย์ชุดได้รายงานประวัติการเจ็บป่วยของนายเม่งสุยให้นายแพทย์มาลาแพทย์ใหญ่บริษัทจำเลยทราบตามเอกสารหมาย ล.5 ซึ่งเป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2511 บริษัทจำเลยน่าจะได้ทราบรายงานดังกล่าวในวันรุ่งขึ้นเป็นอย่างช้าแม้จะไม่นับวันแรกที่บริษัททราบเป็นวันเริ่มต้นแห่งระยะเวลา ก็จำต้องนับเริ่มต้นในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2511 รายงานเอกสาร ล.5 ถือเป็นเค้าเรื่องเดิมที่แสดงว่านายเม่งสุยปกปิดความจริงและแถลงเท็จในข้อที่ว่าไม่เคยให้แพทย์คนใดวินิจฉัยโรคมาก่อน ทั้งโรคในลำคอก็เป็นโรคร้ายแรงอำพรางอาการเริ่มต้นของโรคมะเร็งหลอดอาหารไว้ในชั้นแรกได้ ชอบที่บริษัทจำเลยจะบอกล้างโมฆียะกรรมเสียภายในวันที่ 28 มีนาคม 2511อันเป็นระยะเวลาสิ้นสุดของกำหนดหนึ่งเดือน ส่วนข้อที่ว่าจากถ้อยคำของนางซู่เตียงโจทก์ที่ 1 ทำให้บริษัทรู้ว่านายเม่งสุยไปรักษาโรคตับแข็งกับนายแพทย์วาดา แล้วบริษัทจำเลยเพิ่งได้รับรายงานประวัติการเจ็บป่วยของนายแพทย์วาดาตามเอกสารหมาย ล.4 เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2511 บริษัทจำเลยจึงได้มีหนังสือบอกล้างไปยังโจทก์ทั้งสามในวันที่ 19 เมษายน2511 หลังจากทราบรายงานดังกล่าวเพียง 6 วัน เห็นได้ว่าการบอกล้างของบริษัทจำเลยหามีผลอย่างไรไม่ เพราะเกินกำหนดหนึ่งเดือน สิทธิบอกล้างได้ระงับสิ้นไปแล้ว บริษัทจำเลยจึงหมดสิทธิจะบอกล้างได้ เทียบตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 1247/2514 ระหว่าง นายจำรัส วิงประวัติ กับพวก โจทก์ บริษัทอเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด จำเลย จะถือความจริงเฉพาะแต่ตามเอกสารหมาย ล.4 มาเป็นหลักนับเป็นวันเริ่มต้นดังฎีกาของจำเลยหาได้ไม่ ฉะนั้น กรมธรรม์ประกันชีวิตจึงมีผลบังคับจำเลย ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชี้ขาดต้องกันมาให้บริษัทจำเลยให้เงินแก่โจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน