แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มาตรา 68 พระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. 2472 เป็นบทเพิ่มโทษซึ่งกฎหมายได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะสำหรับผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติฝิ่นซ้ำอีก หลังจากพ้นโทษในการกระทำผิดครั้งแรกไปยังไม่ครบสามปีแสดงว่าไม่เข็ดหลาบ จึงต้องเพิ่มโทษให้หนักกว่าโทษที่ลงในการกระทำความผิดครั้งแรก และเมื่อศาลได้เพิ่มโทษตามพระราชบัญญัติฝิ่นแล้ว จะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญาด้วยอันเป็นการเพิ่มโทษจำเลยถึงสองทางหาได้ไม่
การเพิ่มโทษตามมาตรา 68 พระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. 2472 แม้จะมิได้บัญญัติให้วางโทษสำหรับการกระทำผิดครั้งหลังที่มีโทษจำคุกและปรับไว้ ศาลก็ชอบที่จะวางโทษทั้งจำทั้งปรับ จึงจะต้องด้วยเจตนารมณ์ของกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีมูลฝิ่นหนัก ๓ กรัม ราคา ๓๐ บาท และกล้องสูบฝิ่นพร้อมด้วยเครื่องอุปกรณ์การสูบฝิ่นไว้ในความครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาต ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ๓ เดือน ฐานมีฝิ่นไม่รับอนุญาต พ้นโทษมายังไม่ครบ ๓ ปี มากระทำผิดในคดีนี้อีกไม่เข็ดหลาบ ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ มาตรา ๑๑, ๓๔, ๕๓ ทวิ, ๖๖, ๖๘, ๖๙ พระราชบัญญัติฝิ่น (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๖ ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับในข้อต้องโทษและพ้นโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติฝิ่นทุกมาตราที่กล่าวในฟ้องที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย พระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ มาตรา ๖๘ กำหนดไว้ว่า ถ้าความผิดครั้งหลังเป็นโทษปรับหรือจำคุก ให้วางโทษทั้งปรับทั้งจำ แต่ถ้าเป็นโทษปรับและจำคุกเช่นกรณีนี้มิได้กำหนดไว้ ทั้งจะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญาก็ไม่ได้ เพราะพระราชบัญญัติฝิ่นมีวิธีการเพิ่มโทษเป็นพิเศษแล้ว จึงเพิ่มโทษฐานมีมูลฝิ่นไม่ได้ ให้จำคุกจำเลยฐานมีมูลฝิ่น ๘ เดือน ฐานมีกล้องสูบฝิ่นในฐานที่จำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติฝิ่น และพ้นโทษมายังไม่ครบ ๓ ปี ให้จำคุก ๑ เดือน และปรับ ๒๐๐ บาทเป็นจำคุก ๙ เดือน ปรับ ๒๐๐ บาท ลดโทษเพราะรับสารภาพให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกไว้ ๔ เดือน ๑๕ วันและปรับ ๑๐๐ บาท ของกลางริบบังคับค่าปรับตามมาตรา ๒๙, ๓๐
โจทก์อุทธรณ์ขอให้วางโทษจำเลยฐานมีมูลฝิ่นทั้งจำคุกและปรับตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ มาตรา ๖๘ และเพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ ด้วย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พระราชบัญญัติฝิ่นมีวิธีการเพิ่มโทษบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นจากประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ทั้งโจทก์มิได้ขอมาในฟ้องจะนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ มาใช้ไม่ได้ และกำหนดการเพิ่มโทษฐานมีมูลฝิ่นตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ มาตรา ๖๘ ต้องวางโทษทั้งจำคุกและปรับ พิพากษาแก้ให้เพิ่มโทษจำเลยฐานมีมูลฝิ่นตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ มาตรา ๖๘ เป็นจำคุก ๘ เดือนปรับ ๒,๐๐๐ บาท รวมเป็นจำคุก ๙ เดือน ปรับ ๒,๒๐๐ บาท ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๔ เดือน ๑๕ วันปรับ ๑,๑๐๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้เพิ่มโทษจำเลยทั้งในข้อหาฐานมีมูลฝิ่นและมีกล้องสูบฝิ่นตามมาตรา ๙๒ ประมวลกฎหมายอาญาอีกด้วย
จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษจำเลยตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไม่ชอบ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาในเรื่องการวางโทษหรือเพิ่มโทษตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ กับการเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ สำหรับปัญหาแรก มาตรา ๖๘ แห่งพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ ได้บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำผิดต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบ ๓ ปี กระทำผิดต่อพระราชบัญญัตินี้อีก
(๑) ถ้าโทษซึ่งกำหนดไว้สำหรับความผิดที่กระทำครั้งหลังเป็นโทษปรับหรือจำคุกก็ให้วางโทษทั้งปรับทั้งจำ
(๒) ถ้าโทษซึ่งกำหนดไว้สำหรับความผิดที่กระทำครั้งหลังเป็นแต่เพียงโทษปรับ ก็ให้ปรับเป็นตรีคูณ
แต่มิได้บัญญัติในเรื่องโทษสำหรับความผิดครั้งหลัง หากเป็นโทษทั้งจำคุกและปรับดังเช่นคดีนี้ ซึ่งจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ มาตรา ๕๓ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่ ๗ พ.ศ. ๒๕๐๒มาตรา ๖ มีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับสิบเท่าราคาฝิ่นหรือมูลฝิ่นนั้น แต่ต้องไม่น้อยกว่าสองพันบาท ดังนี้ เห็นว่า มาตรา ๖๘ พระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ เป็นบทเพิ่มโทษซึ่งกฎหมายได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะสำหรับผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติฝิ่นซ้ำอีกหลังจากพ้นโทษในการกระทำผิดครั้งแรกไปยังไม่ครบสามปี แสดงว่าไม่เข็ดหลาบจึงต้องเพิ่มโทษให้หนักกว่าโทษที่ลงในการกระทำความผิดครั้งแรกและเมื่อศาลได้เพิ่มโทษตามพระราชบัญญัติฝิ่นแล้ว จะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญาด้วย อันเป็นการเพิ่มโทษจำเลยถึงสองทางหาได้ไม่
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าไม่ควรจะเพิ่มโทษตามพระราชบัญญัติฝิ่น เพราะกฎหมายมิได้กำหนดการวางโทษในกรณีนี้ไว้โดยแจ้งชัดนั้นเห็นว่า แม้แต่โทษจำหรือปรับซึ่งเป็นโทษที่เบากว่าพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ มาตรา ๖๘ ยังได้บัญญัติให้วางโทษสำหรับการกระทำผิดครั้งหลังทั้งจำทั้งปรับ เมื่อการกระทำผิดครั้งหลังมีโทษทั้งจำและปรับศาลก็ชอบที่จะวางโทษทั้งจำและปรับจึงจะต้องด้วยเจตนารมณ์ของกฎหมาย พิพากษายืน