คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1, 2 และ 4 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในฐานที่จำเลยที่ 1 และ 2 เป็นนายจ้างของผู้ขับรถโดยประมาทและจำเลยที่ 4 เป็นผู้รับประกันภัยความปรากฏแก่ศาลอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณาแล้วพิพากษาคดีโดยจำเลยที่ 1 ไม่ทราบวันนัดสืบพยานและวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยว่าการดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 นั้น เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ พิพากษาให้เพิกถอนเสียแล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาเสียใหม่ได้ แม้จะไม่มีฝ่ายใดยกปัญหาข้อนี้อุทธรณ์ขึ้นมาก็ตาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับประกันภัยรถยนต์หมายเลข ก.ท.ข. ๓๓๕๕ โดยนายอินจี แซ่ตั้ง เป็นผู้เอาประกันภัย เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๙ ขณะนายประสาน สุมนุษยานนท์ ขับรถยนต์คันนั้นออกจากที่จอดจำเลยที่ ๓ ขับรถยนต์ ก.ท. ๐๗๓๐๙ โดยความเร็วสูง ตัดหน้าโดยกระชั้นชิดพุ่งเข้าชนรถยนต์เลข ก.ท.ข. ๓๓๕๕ ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ ๓ ขับรถนั้นโดยเป็นลูกจ้างในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์ ก.ท. ๐๗๓๐๙ จำเลยที่ ๔ เป็นผู้รับประกันภัยอุบัติเหตุค้ำจุนรถยนต์หมายเลข ก.ท. ๐๗๓๐๙ โดยมีข้อสัญญาว่า หากมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกอันเนื่องมาจากรถยนต์หมายเลข ก.ท. ๐๗๓๐๙ จำเลยที่ ๔ จะชดใช้แทนจนครบ จำเลยที่ ๑, ๒จึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดให้แก่นายอินจี แซ่ตั้ง และจำเลยที่ ๔ ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑, ๒, ๓ ในฐานะผู้รับประกันภัยโจทก์ต้องซ่อมรถ ก.ท.ข. ๓๓๕๕ ให้แก่นายอินจี แซ่ตั้ง เป็นเงิน ๔,๔๘๐ บาท โจทก์จึงได้รับช่วงสิทธิมาฟ้องเรียกค่าเสียหาย ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายและดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑, ๒ และ ๔ ให้การปฏิเสธความรับผิด
จำเลยที่ ๓ ถึงแก่กรรม โจทก์จึงถอนฟ้องจำเลยที่ ๓
เมื่อสืบพยานโจทก์หมดแล้ว ทนายจำเลยที่ ๑ ที่ ๔ ยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนาย ศาลสั่งให้ส่งสำเนาให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๔ ถึงวันนัดสืบพยานจำเลยก็ยังส่งหมายนัดให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๔ ไม่ได้ศาลสั่งเลื่อนการสืบพยานจำเลย และให้ส่งหมายนัดใหม่ คงส่งหมายให้ได้เฉพาะจำเลยที่ ๔ ส่วนจำเลยที่ ๑ ส่งไม่ได้จำเลยที่ ๔ แต่งทนายใหม่
ถึงวันนัดสืบพยานจำเลย ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยที่ ๑ ทราบนัดแล้วไม่มาศาล จึงมีคำสั่งว่าจำเลยที่ ๑ ขาดนัดพิจารณา เมื่อสืบพยานจำเลยที่ ๒, ๔ หมดแล้ว ได้นัดฟังคำพิพากษาโดยมิได้แจ้งวันนัดให้จำเลยที่ ๑ทราบ และศาลได้ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาไปในวันนัดเพราะไม่มีฝ่ายใดมาศาล โดยพิพากษาว่าจำเลยที่ ๓ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑นำรถยนต์ ก.ท. ๐๗๓๐๙ มาร่วมกิจการขนส่งกับจำเลยที่ ๒ ส่วนจำเลยที่ ๔ เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ ก.ท. ๐๗๓๐๙ เมื่อโจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิจากผู้เสียหาย จึงมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายเอาแก่จำเลยเท่าที่โจทก์จ่ายไปจำเลยที่ ๓ ขับรถโดยประมาทชนรถของผู้เสียหาย เป็นการละเมิดในทางการที่จำเลยที่ ๑, ๒ จ้างจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๑, ๒, ๔ จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยที่ ๑, ๓, ๔ ร่วมกันใช้ค่าเสียหาย
จำเลยที่ ๒ ที่ ๔ อุทธรณ์ว่าไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นตั้งแต่วันที่สั่งว่าจำเลยที่ ๑ ทราบนัดและขาดนัดพิจารณาแล้วดำเนินการพิจารณาต่อมาจนพิพากษาคดี โดยจำเลยที่ ๑ ไม่ทราบเรื่องที่ทนายขอถอนตัวไม่ทราบวันนัดพิจารณาและไม่ได้มาศาลเลยเช่นนี้ การดำเนินกระบวนพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ ตั้งแต่วันที่สั่งนั้นตลอดมาจนพิพากษาจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบชอบที่จะสั่งให้เพิกถอนเสีย แล้วดำเนินการพิจารณาเสียใหม่ให้ถูกต้องต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗ พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้เพิกถอนการพิจารณาของศาลชั้นต้นในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ ที่ผิดระเบียบนั้น
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ ๒ ที่ ๔ ไม่ได้อุทธรณ์ในประเด็นกระบวนพิจารณาใหม่ ประเด็นเรื่องศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณามิชอบจึงไม่มีประเด็นขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์ เป็นเรื่องที่จำเลยที่ ๑ จะยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่จึงคลาดเคลื่อน ขอให้พิพากษาแก้แล้วพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยที่ ๑ ขาดนัดพิจารณาแล้วพิพากษาคดีโดยจำเลยที่ ๑ มิได้รับทราบวันนัดสืบพยานมิได้รับทราบวันนัดอ่านคำพิพากษา ถือได้ว่าศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาโดยมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเมื่อคดีปรากฏเหตุเช่นนี้ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะพิจารณาว่ามีเหตุอันสมควรที่จะมีคำสั่งยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๓(๑) (๒) แม้ไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยได้
พิพากษายืน

Share