คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2173/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 4 รู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนค้าอาวุธปืนเถื่อนโดยเคยรับจ้างเหมาขับเรือยนต์รับส่งจำเลยที่ 1 ไปเอาอาวุธปืนที่รวบรวมได้จากชาวบ้านมาไว้สำหรับการค้าหลายครั้ง ในครั้งที่เกิดเหตุจำเลยที่ 4 ก็รู้ว่าจำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนเถื่อนที่เอามาจากชาวบ้านไปเพื่อค้า การที่จำเลยที่ 4 รู้แล้วยังใช้เรือเป็นพาหนะรับส่งจำเลยที่ 1 อีกเช่นนี้ จึงเป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการกระทำความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองสำหรับการค้า เป็นผู้สนับสนุนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ฟ้องว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยคนอื่นทางพิจารณาได้ความว่าเป็นผู้สนับสนุนความผิด ศาลก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๓ เวลากลางวันจำเลยทั้งสี่ร่วมกันกระทำผิดกฎหมายหลายบท คือ ร่วมกันมีอาวุธปืนพกรวม ๒๓ กระบอก อันเป็นปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนและใช้ยิงได้กับซองกระสุนปืน ๑ อันไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และจำเลยทั้งสี่ได้บังอาจร่วมกันมีอาวุธปืนดังกล่าวกับซองกระสุนปืน ๑ อันนั้นไว้สำหรับการค้า โดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน เจ้าพนักงานจับได้พร้อมด้วยอาวุธปืนและซองกระสุนปืน กระเป๋าหนัง ๑ ใบ เรือติดเครื่องยนต์เพลายาวที่เป็นพาหนะในการขนอาวุธปืนเพื่อกระทำผิด ๑ ลำ เหตุเกิดที่ตำบลบ้านกล้วย อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๒๔, ๗๒, ๗๓ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๑ มาตรา ๖ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๓ กฎกระทรวงฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๔๙๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ ลงวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๔๙๑ ข้อ ๑(๔)ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒, ๓๓, ๙๐ ริบอาวุธปืน ซองกระสุนปืนกระเป๋าหนัง เรือเครื่องเพลายาว พร้อมด้วยเครื่องยนต์ของกลาง
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ ๒, ๓, ๔ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑, ๒, ๓ มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๒๔, ๗๒, ๗๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๑ มาตรา ๖ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๓ ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๑ มาตรา ๖ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้ ๓ ปีจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๖ แล้วจำคุกคนละ ๒ ปี ปรานีลดโทษให้จำเลยที่ ๑ กึ่งหนึ่ง ให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ หนึ่งในสาม ตามมาตรา ๗๘ คงเหลือจำคุกจำเลยที่ ๑ หนึ่งปีหกเดือน จำเลยที่ ๒, ๓ คนละ ๑ ปี ๔ เดือน จำเลยที่ ๔ ยังฟังไม่ได้ว่าร่วมกระทำผิดให้ยกฟ้อง ริบอาวุธปืนซองกระสุนปืน และกระเป๋าหนังใส่อาวุธปืนเรือและเครื่องยนต์คืนจำเลยที่ ๔
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๔ ฐานเป็นตัวการ กับให้ริบเรือและเครื่องยนต์ของกลาง ส่วนจำเลยที่ ๒, ๓ อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องแต่ต่อมาขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งอนุญาตแล้ว แล้ววินิจฉัยคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ ๔ ว่าไม่ได้ร่วมกระทำผิด แต่เป็นการช่วยเหลือให้ความสะดวกจึงเป็นผู้สนับสนุนความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๖ พิพากษาแก้เป็นจำเลยที่ ๔ ผิดพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๒๔, ๗๒, ๗๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๑ มาตรา ๖ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๓ ซึ่งเป็นบทหนักประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ จำคุก ๒ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก ๑ ปี ๔ เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๔ ฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนไม่ได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม สำหรับการกระทำของจำเลยที่ ๔ นั้น เห็นว่าครั้งก่อน ๆ จำเลยที่ ๔ เคยทราบว่าการที่จำเลยที่ ๑ เหมาเรือไปกลับยังบ้านนายโปร่งบิดาจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ รวม ๔ ครั้งนั้นก็เพื่อมาเอาอาวุธปืนจากบ้านนายโปร่งเป็นประจำ และมีจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ เป็นผู้ไปรวบรวมอาวุธปืนจากชาวบ้านมาให้ ฉะนั้นในครั้งเกิดเหตุนี้มีเหตุผลน่าเชื่อว่าจำเลยที่ ๔ ได้รู้หรือควรจะได้รู้ว่าการเหมาเรือของจำเลยที่ ๑ ไปกลับยังบ้านนายโปร่งอีกนั้นก็เพื่อจะไปเอาอาวุธปืนอย่างเช่นเคยแน่ ดังจะเห็นได้จากพฤติการณ์ของจำเลยที่ ๔ที่พอพบเห็นจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ถือกระเป๋าหนังสีน้ำตาลของจำเลยที่ ๑ ขึ้นมาบนบ้าน จำเลยที่ ๔ ก็ทราบทันทีว่าเป็นอาวุธปืนและก็เป็นจริงเช่นนั้นด้วยและจำเลยที่ ๔ ก็น่าจะรู้ด้วยว่า จำเลยที่ ๑ ได้เอาอาวุธปืนที่เอามาจากบ้านนายโปร่งไปสำหรับการค้า มิฉะนั้นคงไม่มาเอาบ่อย ๆ เป็นจำนวนมากการที่จำเลยที่ ๔ รู้แล้วยังใช้เรือเป็นพาหนะรับส่งจำเลยอีก ๓ คนในกรณีเช่นนี้ จึงเป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการกระทำความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองสำหรับการค้าในเวลาก่อนและขณะที่กระทำความผิดจำเลยที่ ๔ จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ คดีนี้ แม้โจทก์จะได้ฟ้องจำเลยที่ ๔ ว่าได้สมคบร่วมกระทำผิดกับจำเลยอีก ๓ คน แต่ในทางพิจารณากลับได้ความว่ามีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ศาลก็ยังลงโทษจำเลยที่ ๔ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ ๔ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืนให้ยกฎีกาจำเลยที่ ๔

Share