คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2562

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อข้ออ้างตามอุทธรณ์ของโจทก์ไม่เข้าข้อยกเว้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 138 วรรคสอง ที่โจทก์จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้นได้ การที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของโจทก์และศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับวินิจฉัยให้จึงเป็นการไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 4 โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฎีกาต่อมาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (เดิม) ศาลฎีกาจึงพิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 และยกฎีกาของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยหยุดรบกวนการครอบครองและขนย้ายสรรพสิ่งของสิ่งปลูกสร้างในที่ดินของโจทก์ กับรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่ดินของจำเลยที่ก่อสร้างรุกลํ้าและผิดต่อกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณา โจทก์และจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาล
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น คืนค่าขึ้นศาลแก่โจทก์ 100 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์อุทธรณ์ว่า สัญญาประนีประนอมยอมความในศาลชั้นต้นตกเป็นโมฆะ ขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นและมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี อ้างว่าจำเลยฉ้อฉล โดยสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ 1 ระบุการแบ่งปันแนวเขตที่ดินทิศเหนือให้ถือเอาแนวขอบฐานคอนกรีตตามภาพถ่ายแนบท้ายสัญญาประนีประนอมยอมความ ทั้งที่จำเลยรู้ว่าแนวเขตดังกล่าวไม่ตรงกับแนวชายคาบ้านของจำเลย ซึ่งคือแนวผนังกำแพงบ้านของจำเลย และควรแจ้งแก่โจทก์และศาล แต่จำเลยไม่แจ้ง และหลักเขตที่ดินเลขที่ 3 ง 0086 ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินปักแทนหลักเขตเดิมเลขที่ ษ 6301 ที่สูญหายไป เป็นการปักหลักเขตรุกล้ำที่ดินของโจทก์ แต่จำเลยปกปิดข้อเท็จจริง ทำให้จำเลยได้ที่ดินเพิ่มขึ้น ส่วนที่ดินของโจทก์เนื้อที่ลดลงโดยโจทก์ไม่ทราบมาก่อน โจทก์หลงเข้าใจผิดว่าฐานคอนกรีตคือข้างกำแพงผนังบ้านของจำเลย จึงลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความ อันเป็นการหลงผิดในสาระสำคัญจากการฉ้อฉลของจำเลย คำพิพากษาตามยอมและสัญญาประนีประนอมยอมความขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน นั้น เห็นว่า ตามสัญญาประนีประนอมยอมความมิได้ระบุการแบ่งปันแนวเขตที่ดินทิศเหนือให้ถือเอาตามแนวชายคาบ้านของจำเลย หรือแนวผนังกำแพงบ้านของจำเลย หรือหลักเขตที่ดินเลขที่ 3 ง 0086 แต่อย่างใด โดยระบุว่าโจทก์และจำเลยตกลงแบ่งปันแนวเขตที่ดินทางทิศเหนือให้ถือเอาแนวขอบฐานคอนกรีตตามภาพถ่ายแนบท้ายสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งทำให้ที่ดินของจำเลยมีเขตน้อยกว่าการใช้หลักเขตที่ดินเลขที่ 3 ง 0086 ตามที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้ และในสำเนาภาพถ่ายแนบท้ายสัญญาประนีประนอมยอมความ มีข้อความระบุว่า โจทก์และจำเลยตกลงแบ่งปันแนวเขตที่ดินระหว่างกันตามแนวเขตที่ดิน โดยถือเอาแนวขอบฐานคอนกรีตที่ทำเครื่องหมายดอกจันในภาพถ่ายนี้จากด้านทิศเหนือไปทางทิศใต้จนจรดหลักเขตเลขที่ ษ 6974 และมีคำบรรยายภาพดังกล่าวแสดงถึงหลักเขตที่ดินเลขที่ 3 ง 0086 ระยะห่างระหว่างผนังบ้านของโจทก์กับของจำเลย ระยะห่างระหว่างผนังบ้านของโจทก์กับแนวขอบฐานคอนกรีตที่ทำเครื่องหมายดอกจัน อันเป็นการระบุชัดเจนตามข้อตกลงสัญญาประนีประนอมยอมความ และในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ นอกจากโจทก์มาศาลด้วยตนเอง ยังมีทนายโจทก์มาศาลและร่วมลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความด้วย โจทก์มีโอกาสที่จะคัดค้านข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความได้ในขณะที่ทำสัญญาหากไม่เป็นไปตามความประสงค์ของโจทก์ แต่เมื่อโจทก์ไม่คัดค้านย่อมแสดงว่าโจทก์พอใจในผลแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว จึงได้ตกลงยินยอมทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลย ดังนั้น ข้ออ้างของโจทก์จึงมิเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 วรรคสอง ในอันที่โจทก์จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้นได้ ที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของโจทก์และศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับวินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบ ถือว่าปัญหาดังกล่าวเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 4 โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฎีกาปัญหาดังกล่าวต่อมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 และยกฎีกาของโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share