คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาท เป็นคำฟ้องเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เสนอคำฟ้องต่อศาลที่บ้านพิพาทตั้งอยู่ในเขตศาลได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อบ้านเลขที่ 55/21 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินที่โจทก์เช่าจากวัดเขมาภิรตาราม ตำบลบางซ่อน อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร ค่าเช่าซื้อ 100,000 บาท ตามสำเนาสัญญาเช่าซื้อท้ายฟ้อง จำเลยผิดสัญญาในข้อที่ว่า เมื่อปลูกบ้านเสร็จพอที่จำเลยจะเข้าอยู่ได้ โจทก์จะต้องมอบบ้านให้จำเลยครอบครอง และจำเลยต้องชำระ ราคาให้แก่โจทก์อีก 10,000 บาท จำเลยไม่ชำระ ขอให้ขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว ไม่เคลือบคลุม ไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าโจทก์สร้างเสร็จครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญาทุกประการ หรือมีรายละเอียดเกี่ยวกับขนาดวัสดุ คุณภาพวัสดุก่อสร้างแบบแปลนแผนผังท้ายสัญญาอีกด้วย
เมื่อโจทก์ส่งมอบบ้านพิพาทให้จำเลยเข้าครอบครองอันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อแล้ว แม้บ้านพิพาทยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีจำเลยพอใจรับมอบบ้านพิพาทจากโจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องใช้เงินจำนวน 10,000 บาท ให้โจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อ
โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น สำหรับประเด็นเรื่องค่าเสียหายโจทก์จึงฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในประเด็นข้อนี้ไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาเรื่องค่าเสียหายของโจทก์ไว้ ไม่เป็นฎีกาที่ต้องพิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาเช่าซื้อบ้านในข้อที่ว่า เมื่อปลูกบ้านเสร็จพอที่จำเลยจะเข้าอยู่ได้แล้ว จำเลยจะต้องชำระราคาให้แก่โจทก์อีก ๑๐,๐๐๐ บาท แต่จำเลยไม่ชำระและค้างค่าเช่าซื้ออีกเดือนละ ๘๓๓ บาท ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานีแต่โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่ง เป็นการฟ้องคดีผิดเขตอำนาจฟ้องฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ปลูกบ้านไม่เสร็จสมบูรณ์ตามแบบแปลนเป็นฝ่ายผิดสัญญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านพิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามหนังสือสัญญาเช่าซื้อ ข้อ ๔(๒) มีว่าผู้เช่าซื้อบ้านซึ่งผู้ให้เช่าซื้อจะปลูกขึ้นตามแบบแปลนแผนผังและระบุรายละเอียดท้ายสัญญา เมื่อผู้ให้เช่าซื้อปลูกบ้านเสร็จพอที่ผู้เช่าซื้อจะเข้าอยู่ได้ ผู้ให้เช่าซื้อจะได้มอบบ้านให้ผู้เช่าซื้อเข้าครอบครอง โจทก์ส่งมอบบ้านพิพาทให้จำเลยเข้าครอบครอง อันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อแล้ว แม้บ้านพิพาทยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี จำเลยพอใจรับมอบบ้านพิพาทจากโจทก์จนบุตรจำเลยเข้าอยู่แล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องใช้เงินตามสัญญาเช่าซื้อจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาเช่าซื้อ ไม่ใช้เงินค่าเช่าบ้านพิพาทซึ่งปลูกอยู่ในจังหวัดพระนคร ชอบที่จะเสนอคำฟ้องต่อศาลแพ่ง
ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share