คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้กองมรดกจะบังคับสิทธิเรียกร้องต่อทายาทคนใดก็ได้เมื่อเจ้าหนี้กองมรดกได้ฟ้องภริยาของเจ้ามรดกซึ่งนับได้ว่าเป็นทายาทโดยธรรมคนหนึ่ง เป็นคดีขอให้ชำระหนี้ภายในกำหนด 1 ปีนับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ย่อมถือได้ว่าเจ้าหนี้กองมรดกใช้สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้อันมีต่อเจ้ามรดกภายในอายุความ 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 แล้ว การฟ้องคดีเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ แม้ต่อมาเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จะขอให้เรียกทายาทคนอื่น ๆ เข้ามาเป็นจำเลยร่วมอีกด้วย เมื่อพ้น1 ปีนับแต่วันที่เจ้ามรดกตาย ก็ไม่เป็นเหตุให้ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายกมล บริสุทธิ์ สามีจำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป๕๐,๐๐๐ บาท นายกมลถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๐๙จำเลยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิรับมรดกของนายกมลผู้ตายและได้ครอบครองทรัพย์สินของนายกมลแต่ผู้เดียว โจทก์ทวงเตือนให้จำเลยชำระหนี้แทนนายกมลผู้ตายแล้ว จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยค้างและจากวันฟ้อง
จำเลยให้การว่า นายกมลเป็นสามีของจำเลยและถึงแก่กรรมไปเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๐๙ จริง แต่นายกมลไม่ได้กู้เงินโจทก์ สัญญากู้ปลอมจำเลยไม่ได้รับมรดกนายกมล นายกมลทำพินัยกรรมยกทรัพย์ทั้งหมดให้นางลำดวนและบุตรของจำเลยเท่านั้น โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเอาจากจำเลย
โจทก์รับสำเนาคำให้การแล้วยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องขอให้เรียกบุตรของจำเลยรวม ๖ คน โดยจำเลยเป็นมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมเข้ามาเป็นจำเลยร่วม
จำเลยร่วมให้การและตัดฟ้องว่า โจทก์ขอให้เรียกจำเลยร่วมเข้ามาเป็นคู่ความเป็นเวลาภายหลังนายกมลถึงแก่กรรมเกิน ๑ ปีแล้ว คดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นเชื่อว่านายกมลกู้เงินโจทก์ ๕๐,๐๐๐ บาทจริง แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์เริ่มต้นฟ้องคดีก่อนครบกำหนด ๑ ปีนับแต่วันนายกมลตาย โจทก์เพิ่งรู้ตัวทายาทอันแท้จริงเมื่อเริ่มฟ้องคดีนี้แล้ว ฉะนั้นที่โจทก์เพิ่มเติมฟ้องให้เรียกผู้เยาว์เข้ามาเป็นคู่ความร่วม ถึงแม้จะเกิน ๑ ปี นับแต่นายกมลตายก็ไม่ขาดอายุความ นางจรูญลักษณ์จำเลยไม่ได้รับมรดกตามพินัยกรรมและไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว พิพากษาให้จำเลยร่วมทั้ง ๖ คนใช้เงินกู้และดอกเบี้ยตามฟ้องให้โจทก์ ยกฟ้องสำหรับตัวนางจรูญลักษณ์จำเลย
จำเลยร่วมทั้ง ๖ คนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกจำเลยร่วมทั้ง ๖เข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้เมื่อพ้นกำหนด ๑ ปีนับแต่วันเจ้ามรดกตายคดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๗๕๔ อุทธรณ์ข้ออื่นไม่จำต้องวินิจฉัย พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยร่วมทั้ง ๖ คนด้วย
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นเรื่องเจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินกู้จากกองมรดกของนายกมลซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๓๗บัญญัติว่า เจ้าหนี้กองมรดกจะบังคับสิทธิเรียกร้องต่อทายาทคนใดก็ได้จำเลยเป็นภริยาของนายกมล นับได้ว่าเป็นทายาทโดยธรรมของนายกมลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๒๙ วรรคสอง โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นทายาทคนหนึ่งภายในกำหนด ๑ ปีนับแต่นายกมลตายถือได้ว่าโจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องกองมรดกภายในอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๕๔ แล้ว เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดียังศาลแล้ว อายุความย่อมสะดุดหยุดอยู่ ตามมาตรา ๑๗๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่โจทก์ขอให้เรียกจำเลยร่วมเข้ามาเป็นคู่ความด้วยนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีพิจารณาความ คดีของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยประเด็นข้อนายกมลได้กู้เงินโจทก์ไปจริงตามฟ้องหรือไม่
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นข้อโต้เถียงให้สิ้นกระแสความ แล้วพิพากษาใหม่

Share