คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 25/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นบทมาตราที่บัญญัติถึงการกระทำผิดร่วมกันของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ให้ถือว่าผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเท่านั้น ในการพิจารณาลงโทษจำเลยที่กระทำผิดร่วมกัน แม้ศาลจะมิได้ระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ไว้ในคำพิพากษาเป็นบทประกอบมาตราที่ลงโทษจำเลย ก็จะถือว่าศาลมิได้ลงโทษจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ก.จำเลยทั้งสองร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยกระทำทารุณโหดร้าย และ ข.ร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการผู้ดูแลและจัดการสถานการค้าประเวณี เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยมีดพกปลายแหลมเป็นของกลาง จำเลยที่ ๑ เป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาแดงที่ ๑๗๗/๒๕๐๙ ของศาลชั้นต้นเดียวกันนี้ จำเลยทั้งสองเคยต้องโทษจำคุก ๓ เดือนและปรับ แต่โทษจำคุกได้รอการลงโทษไว้ ๒ ปี แล้วกลับมากระทำความผิดภายในเวลา ๒ ปีนับแต่ศาลพิพากษา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๓, ๕๖, ๕๘ พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๔, ๙ ริบของกลาง และสั่งบวกโทษจำคุกที่รอไว้เข้ากับโทษในคดีนี้ และให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อกับโทษในคดีแดงที่ ๑๗๗/๒๕๐๙ ของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิดตามฟ้องข้อ ก. จำเลยที่ ๒ ให้การภาคเสธว่าผู้ตายได้กระทำการตบตีบุตรของจำเลย และทำร้ายจำเลยที่ ๒ บนบ้านเรือนของจำเลย จำเลยจึงใช้มีดแทงเพื่อป้องกันตัว จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพตามฟ้องข้อ ข. และรับว่าเคยถูกศาลรอการลงโทษตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๔๐/๒๕๐๘ เฉพาะจำเลยที่ ๑ รับว่าเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๗/๒๕๐๙ ของศาลจังหวัดชัยนาท
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยทั้งสองได้กระทำผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการผู้ดูแลและจัดการสถานการค้าประเวณี ตามที่จำเลยทั้งสองรับสารภาพ และฟังว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันฆ่าผู้ตาย แต่กระทำติดต่อกันไปเพื่อต้องการฆ่าให้ตายเท่านั้น หาเป็นการกระทำทารุณโหดร้ายไม่พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าคนโดยเจตนา และฐานร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการสถานการค้าประเวณี แต่ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันฆ่าคนโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓ ซึ่งเป็นกระทงที่หนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ให้วางโทษจำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิต คำให้การชั้นสอบสวนและคำให้การในศาลของจำเลยที่ ๒ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงให้จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๑๖ ปี ของกลางริบ และให้บวกโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๓ เดือนที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ ๒๔๐/๒๕๐๙ เข้ากับโทษของจำเลยที่ ๒ ในคดีนี้ด้วย ส่วนคำขอให้บวกโทษเกี่ยวกับคดีส่วนตัวของจำเลยที่ ๑ นั้น ศาลได้บวกให้แล้วในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๗/๒๕๐๙ จึงให้ยกเสีย ให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ติดต่อกับโทษในสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๗/๒๕๐๙ ของศาลชั้นต้นด้วย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ข้อหาฐานร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการผู้ดูแลและจัดการสถานการค้าประเวณีนั้น เป็นอันยุติฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองทำผิดข้อหานี้จริง ส่วนข้อหาว่าร่วมกันฆ่าผู้ตายนั้น พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ ๑ ได้ร่วมฆ่าผู้ตายด้วย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ ๒ ผู้เดียวกระทำผิด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและฐานเป็นเจ้าของกิจการสถานการค้าประเวณี ให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ซึ่งเป็นกระทงที่หนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ให้จำคุกไว้ตลอดชีวิต คำให้การชั้นสอบสวนและคำให้การในศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๑๖ ปี ให้บวกโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๓ เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๔๐/๒๕๐๘ เข้ากับโทษของจำเลยที่ ๒ ในคดีนี้ด้วย ส่วนจำเลยที่ ๑ มีความผิดฐานเป็นเจ้าของกิจการสถานการค้าประเวณี ตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๙ ให้จำคุกไว้ ๖ เดือน จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพปรานีลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๓ เดือน คำขอให้บวกโทษที่รอไว้นั้น ศาลได้บวกให้แล้วในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๗/๒๕๐๙ จึงให้ยกเสีย ให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อโทษในสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๗/๒๕๐๙ ของศาลจังหวัดชัยนาท ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาจำเลยที่ ๑ ฆ่าผู้อื่น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ ๒ ฎีกา โดยโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น และร่วมเป็นเจ้าของกิจการสถานการค้าประเวณี ขอให้แก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ เพิ่มอีกมาตราหนึ่ง จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า การที่จำเลยที่ ๒ ทำร้ายผู้ตาย เป็นการป้องกันตนเองและบุตรพอสมควรแก่เหตุ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการผู้ดูแลจัดการสถานการค้าประเวณีจริง และผู้ตายได้ถูกทำร้ายในบ้านจำเลยทั้งสองและถึงแก่ความตายจริง แต่พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยที่ ๑ ได้ร่วมฆ่าผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ ๒ นั้นได้แทงผู้ตายจริง แต่มีเหตุน่าเห็นใจ เพราะจำเลยที่ ๒ กระทำผิดไปโดยความโกรธที่ได้ยินเสียงร้องของบุตร ทำให้เข้าใจว่าบุตรของตนถูกข่มเหง และจำเลยเป็นหญิง ควรกำหนดโทษให้น้อยลง
ส่วนข้อที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการสถานการค้าประเวณี โดยขอให้แก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ เพิ่มอีกมาตราหนึ่งนั้น เห็นว่า ข้อหาในความข้อนี้ จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ศาลอุทธรณ์ก็ได้วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดตามข้อหานี้จริง และได้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๙ ที่โจทก์ขอมาในฟ้องแล้ว ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ เป็นบทมาตราที่บัญญัติถึงการกระทำความผิดร่วมกันของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ให้ถือว่า ผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเท่านั้น หาใช่บทมาตราซึ่งบัญญัติว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ไม่ ฉะนั้นแม้ศาลอุทธรณ์จะมิได้ระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ไว้ในคำพิพากษา เป็นบทประกอบมาตราที่ลงโทษจำเลย ก็จะถือว่าศาลอุทธรณ์มิได้ลงโทษจำเลยทั้งสองหาได้ไม่
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เฉพาะกำหนดโทษที่วางแก่จำเลยที่ ๒ เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนดสิบห้าปี คำให้การของจำเลยที่ ๒ ชั้นสอบสวนและชั้นศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญาหมาย มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนดสิบปี ให้บวกโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ กำหนดสามเดือนที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาเลขแดงที่ ๒๔๐/๒๕๐๘ ของศาลจังหวัดชัยนาท เข้ากับโทษของจำเลยที่ ๒ ในคดีนี้ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share