แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินมือเปล่านั้น เมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทย่อมต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมายในเบื้องต้นว่า จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองโจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบก่อน
โจทก์มิได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินมือเปล่าภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองโจทก์หมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ก่นสร้างที่ดินรกร้างทำเป็นสวนยาง จำเลยเข้ากรีดยาง ขอให้ศาลพิพากษาว่าสวนยางเป็นของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ครอบครองมา 7-8 ปีแล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์ว่าใช้สิทธิครอบครองมาประมาณ 10 ปี แล้วถูกจำเลยแย่งสิทธิครอบครองฝ่ายจำเลยสู้ว่า ได้ใช้สิทธิครอบครองติดต่อกันมาเป็นเวลา 7-8 ปีแล้วเมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยเป็นผู้ครอบครองอยู่ ต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมายในเบื้องต้นว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองโจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบก่อน
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ปลาย พ.ศ. 2500 โจทก์เพิ่งฟ้องจำเลยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2505 โจทก์มิได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
พิพากษายืน