แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 281 เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ใช้บังคับเฉพาะแก่คนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยเท่านั้น สัญญาที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยใช้ความรู้ข้อมูลทางวิชาการ และชื่อเสียงของโจทก์ในประเทศไทย หาใช่เป็นสัญญาที่โจทก์เข้ามาประกอบธุรกิจหรือส่งคนเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยไม่ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์เคยส่งคนเข้ามาช่วยในบริษัทจำเลยซึ่งอยู่ในประเทศไทยสัญญานี้จึงไม่ต้องห้ามตามประกาศของคณะปฏิบัติฉบับดังกล่าวและใช้บังคับได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาตกลงให้ข้อมูลทางวิชาการแก่จำเลยและช่วยเหลือจัดตั้งบริษัทจำเลยเพื่อรับจ้างวิจัยตลาดการค้าใน ประเทศไทย ให้จำเลยมีสิทธิใช้ข้อมูลทางวิชาการและชื่อเสียงของโจทก์ในการรับจ้างดังกล่าวมีกำหนด ๒๕ ปีโดยจำเลยจะชำระค่าตอบแทนให้แก่โจทก์ทุกปี จำเลยชำระค่าตอบแทนให้โจทก์ในระยะแรกแล้วหยุดตั้งแต่ปีที่ ๖ จนถึงวันฟ้อง ขอให้พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๕๕๖,๓๘๗.๗๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จากต้นเงิน ๔๙๒,๖๒๐.๗๗ บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยส่งมอบบัญชีแสดงยอดรายได้ประจำปี ๒๕๒๓ และ ๒๕๒๔ ซึ่งผู้สอบบัญชีรับรองความถูกต้องแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า สัญญาบริการทางวิชาการเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๓ เพราะข้อความและวัตถุประสงค์ต้องห้ามโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๑ โจทก์ไม่เคยช่วยเหลือหรือให้ข้อมูลทางวิชาการแก่จำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๕๕๖,๓๘๗.๗๐ บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ในต้นเงิน ๔๙๒,๖๒๐.๗๗บาท นับแต่วันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จ ให้จำเลยส่งมอบบัญชีแสดงยอดรายได้ประจำปี ๒๕๒๓ และ ๒๕๒๔ ซึ่งผู้สอบบัญชีรับรองความถูกต้องแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระค่าตอบแทนบริการปีที่ ๖ งวดที่ ๔ จำนวน ๙๕,๘๔๐.๕๙ บาท ตลอดทั้งดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องจำนวน ๑๖,๐๑๐.๖๓ บาท คงรับผิดชำระเฉพาะค่าตอบแทนบริการปีที่ ๗ ทั้ง ๔ งวด รวม ๓๙๖,๗๘๐.๑๘ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องรวม ๔๗,๗๕๖.๓๐ บาท และดอกเบี้ยในต้นเงิน ๓๙๖,๗๘๐.๑๘ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาที่ว่าสัญญาให้บริการทางวิชาการและพัฒนาธุรกิจหมาย จ.๒ เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๓ เพราะข้อความและวัตถุประสงค์ของสัญญาต้องห้ามตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๑ เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือไม่นั้นเห็นว่าประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวใช้บังคับเฉพาะแก่คนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจในราชอาณาจักรไทยเท่านั้นสัญญาหมาย จ.๒ เป็นสัญญาที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยใช้ความรู้ข้อมูลทางวิชาการ และชื่อเสียงของโจทก์ในประเทศไทยหาใช่เป็นสัญญาที่โจทก์เข้ามาประกอบธุรกิจหรือส่งคนเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยไม่ ตามทางนำสืบของจำเลยเองก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์เคยส่งคนเข้ามาช่วยในบริษัทจำเลยซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทย สัญญาดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายและใช้บังคับได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.