แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ก่อนมีการฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย จำเลยได้จดทะเบียนยกที่ดินพิพาทให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ต่อมาผู้คัดค้านที่ 1 ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินดังกล่าวให้ผู้คัดค้านที่ 2 โดยผู้คัดค้านที่2 ได้วางมัดจำไว้และผู้คัดค้านที่ 1 ผิดสัญญาไม่โอนที่ดินให้ผู้คัดค้านที่ 2 ผู้คัดค้านที่ 2 จึงฟ้องต่อศาลชั้นต้น และในที่สุดได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้ผู้คัดค้านที่ 1 โอนที่ดินพิพาทแก่ผู้คัดค้านที่ 2 ดังนี้ แม้ผู้คัดค้านทั้งสองจะทำสัญญาจะซื้อจะขายกันไว้ก่อนก็มิได้เป็นเครื่องยืนยันว่ากระทำโดยสุจริต เพราะพฤติการณ์ที่มีการดำเนินคดีโดยรีบร้อนและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยเร่งด่วน ย่อมแสดงถึงความไม่สุจริตเจตนาช่วยเหลือจำเลยในการยักย้ายทรัพย์สิน พยานหลักฐานของผู้คัดค้านยังฟังไม่ได้ว่าได้มีการโอนที่พิพาทโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ศาลจึงมีอำนาจเพิกถอนการโอนได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 114, 116
ย่อยาว
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องว่า โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๒๖ ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๒๖ และพิพากษาให้ล้มละลายเมื่อวันที่๒๗ เมษายน ๒๕๒๗ เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๒๖ จำเลยโอนการถือสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทให้ผู้คัดค้านที่ ๑ โดยเสน่หาไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทน ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๒๖ ผู้คัดค้านที่ ๑ ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินให้ผู้คัดค้านที่ ๒ และได้จดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวให้ผู้คัดค้านที่ ๒ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น โดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทนระหว่างระยะเวลา ๓ ปี ก่อนมีการขอให้ล้มละลาย ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการโอนที่ดินดังกล่าวให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม หากไม่สามารถกลับคืนได้ ให้ผู้คัดค้านทั้งสองร่วมกันชดใช้ราคาที่ดินแก่กองทรัพย์สินของจำเลย พร้อมดอกเบี้ย
ผู้คัดค้านที่ ๑ และที่ ๒ ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านที่ ๑ ถูกผู้คัดค้านที่ ๒ ฟ้องให้ปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน จึงโอนขายที่ดินให้ผู้คัดค้านที่ ๒ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ผู้คัดค้านที่ ๒ เป็นบุคคลภายนอกได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจขอให้เพิกถอนการโอนได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนที่พิพาทระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านที่ ๑ และระหว่างผู้คัดค้านที่ ๑ กับผู้คัดค้านที่ ๒ ให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม หากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ ให้ผู้คัดค้านทั้งสองร่วมกันชดใช้ราคาที่ดินเป็นเงิน๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
ผู้คัดค้านทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า แม้ผู้คัดค้านทั้งสองจะทำสัญญาจะซื้อจะขายกันไว้ก่อนก็มิได้เป็นเครื่องยืนยันว่าผู้คัดค้านทั้งสองได้กระทำการโดยสุจริตเพราะพฤติการณ์ที่มีการดำเนินคดีโดยรีบร้อนและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยเร่งด่วน ย่อมแสดงถึงความไม่สุจริตของผู้คัดค้านทั้งสอง ซึ่งมีเจตนาช่วยเหลือจำเลยในการยักย้ายทรัพย์สินนั่นเอง พยานหลักฐานของผู้คัดค้านดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านที่ ๒ ได้รับโอนที่พิพาทจากผู้คัดค้านที่ ๑ โดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ศาลจึงมีอำนาจเพิกถอนการโอนเสียได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๔ ประกอบด้วยมาตรา ๑๑๖ ที่ศาลล่าง ทั้งสองได้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาทระหว่างผู้คัดค้านทั้งสองต้องกันมาชอบด้วยรูปคดีแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านที่ ๒ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แก้ฎีกาเองจึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้.