คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยทั้งสองฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุม อาคาร พ.ศ.2522 โจทก์อุทธรณ์เฉพาะเรื่องที่ศาลชั้นต้นคำนวณวันที่จำเลยทั้งสองฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่ถูกต้อง ส่วนที่ศาลชั้นต้นปรับจำเลยทั้งสองฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นรวมกันนั้นโจทก์มิได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจพิพากษาปรับเรียงรายตัว ซึ่งรวมแล้วเกินไปกว่าที่ปรับรวมกัน เพราะเป็นการเพิ่มโทษจำเลยทั้งสองโดยที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ และอุทธรณ์ของโจทก์ถือไม่ได้ว่าอุทธรณ์ให้เพิ่มโทษ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นนิติบุคคล ได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารตึกพักอาศัย แต่จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นกรรมการของจำเลยที่ ๑ ร่วมกันเป็นผู้ดำเนินการควบคุมงาน ก่อสร้างดัดแปลงอาคารที่ได้รับอนุญาต โดยก่อสร้างเป็นอาคารพาณิชย์ ทำให้ผิดไปจากแผนผังบริเวณ แบบแปลนและรายการประกอบแบบแปลน เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้สั่งให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ระงับการก่อสร้างและดัดแปลงอาคารแล้ว จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฝ่าฝืนคำสั่งติดต่อกันตลอดมา ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๒, ๓๑, ๔๐, ๖๕, ๖๗, ๗๐, ๗๒, ๗๙, ๘๐ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔ พระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๔๗๙ ในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๔๘๒ ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อ ๓๐, ๓๕, ๗๒, ๗๖ กฎกระทรวงฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๒๖) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ. ๒๕๒๒ ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๖ ข้อ ๑, ๓ และฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๒๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ลงวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๒๗ ข้อ ๑, ๒ เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานก่อสร้างดัดแปลงอาคาร ตามมาตรา ๒๒, ๗๐, ๗๒ ลงโทษตามมาตรา ๖๕ วรรค ๑ ปรับจำเลยที่ ๑ เป็นเงิน๑๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนจำเลยที่ ๒ จำคุก ๖ เดือนและปรับ ๒๐,๐๐๐ บาทฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรา ๓๑, ๔๐, ๖๕วรรคสอง เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทที่มีโทษเท่ากัน ลงโทษตามมาตรา ๖๗ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าปรับวันละ ๕,๐๐๐ บาท มีกำหนด ๒๔๖ วัน รวมเป็นเงิน ๑,๒๓๐,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงปรับจำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท และจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๓ เดือน และปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด ๒ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าปรับรวมเป็นเงิน ๖๑๕,๐๐๐ บาทด้วย
โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยทั้งสองฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น ๒๗๘ วัน หาใช่มีกำหนด ๒๔๖ วันจำเลยทั้งสองจะต้องถูกปรับวันละ ๕,๐๐๐ บาทรวมเป็นเงิน ๑,๓๙๐,๐๐๐ บาท ลดกึ่งหนึ่ง คงปรับจำเลยทั้งสองเป็นจำนวนเงิน ๖๙๕,๐๐๐ บาท
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าจำเลยฝ่าฝืนจำนวน ๒๗๘ วันมิใช่ฝ่าฝืนเพียง ๒๔๖ วัน จึงต้องปรับเป็นเงิน ๑,๓๙๐,๐๐๐ บาทแต่ที่ศาลชั้นต้นปรับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ รวมกันนั้น ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๘ (ที่ถูกเป็น พ.ศ. ๒๕๒๒) มิได้มีข้อความบัญญัติในเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างอื่น จึงต้องนำมาตรา ๓๑ มาใช้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗ คือให้ปรับเรียงตามรายบุคคล ศาลจึงต้องปรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เป็นรายตัว ปรับรวมกันไม่ได้ แม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์ปัญหาข้อนี้แต่ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน และตามอุทธรณ์ของโจทก์พอถือได้ว่าโจทก์อุทธรณ์ในทำนองขอให้เพิ่มโทษจำเลยทั้งสอง พิพากษาแก้เป็นว่าฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นเป็นเวลา ๒๗๘ วัน ลงโทษปรับจำเลยทั้งสองคนละวันละ ๕,๐๐๐ บาท รวมปรับคนละ ๑,๓๙๐,๐๐๐ บาท ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คนละกึ่งแล้วปรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ คนละ ๖๙๕,๐๐๐ บาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจปรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เรียงตามรายบุคคล เพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะเรื่องที่ศาลชั้นต้นคิดคำนวณจำนวนวันที่จำเลยทั้งสองฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่ถูกต้อง ส่วนที่ศาลชั้นต้นปรับจำเลยทั้งสองฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นรวมกันนั้นโจทก์มิได้อุทธรณ์ ดังนั้นศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจพิพากษาปรับจำเลยทั้งสองเรียงรายตัวซึ่งรวมแล้วเกินไปกว่าที่ปรับรวมกัน เพราะเป็นการเพิ่มโทษจำเลยทั้งสองโดยที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ ซึ่งตามอุทธรณ์ของโจทก์ก็ถือไม่ได้ว่าอุทธรณ์ให้เพิ่มโทษ หากแต่เพียงขอให้ลงโทษปรับตามจำนวนวันที่ถูกต้องเท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาปรับจำเลยทั้งสองเรียงรายตัวรวมแล้วเกินไปกว่าที่ปรับรวมกัน จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษาแก้เป็นว่า ปรับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เป็นรายตัว แต่รวมแล้วไม่เกิน ๖๙๕,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share