แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางจำเลยที 1 กำหนดเส้นทางรถโดยสารประจำทางขึ้นใหม่ และนายทะเบียนกลางจำเลยที่ 2 ออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งในเส้นทางดังกล่าวให้แก่บริษัทขนส่ง จำกัด จำเลยที่ 3 เป็นการปฏิบัติงานไปตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ แม้จะทับเส้นทางรถโดยสารประจำทางเดิมที่โจทก์ได้รับอนุญาต เมื่อตามคำฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำการอื่นใดอีก ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต จงใจให้เกิดความเสียหาย อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งประจำทางด้วยรถยนต์โดยสารบนเส้นทางสายที่ ๒๙๒ หมวด ๓ จากจังหวัดสุรินทร ์ถึงจังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๒๖ จำเลยที่ ๑ มีมติให้กำหนดเส้นทางรถโดยสารประจำทาง หมวด ๒ สายที่ ๙๔๐ กรุงเทพฯ- สุริทนร์ – ศรีสะเกษ ขึ้นใหม่ โดยเริ่มต้นจากสถานีขนส่งกรุงเทพฯทับเส้นทางสายที่ ๙๒๖ ตลอดไปจนถึงอำเภอปราสาท แล้วเลียวซ้ายเข้าจังหวัดสุรินทร์ จากจังหวัดสุรินทร์ทับเส้นทางสายที่ ๒๙๒ ที่โจทก์ได้รับใบอนุญาต ตลอดสายจนถึงจังหวัดศรีสะเกษ เป็นการกระทำโดยมิชอบ ใช้สิทธิไม่สุจริตและจงใจให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ทำให้โจทก์เดือดร้อนเสียหาย ต้องขาดรายได้ ขอให้พิพากษาเพิกถอนมติของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ให้จำเลยที่ ๒ เพิกถอนใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารที่ออกให้แก่จำเลยที่ ๓ ในเส้นทางหมวด ๒ สายที่ ๙๔๐ กรุงเทพฯ -สุรินทร์ – ศรีสะเกษ หากไม่ยอมเพิกถอนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ ๒ และห้ามจำเลยที่ ๓ นำรถโดยสารประจำทางของจำเลยที่ ๓ หรือรถโดยสารประจำทางของบุคคลภายนอกรับคนโดยสารทับเส้นทาง หมวด ๓ สายที่ ๒๙๒ สุรินทร์ – ศรีสะเกษที่โจทก์ได้รับใบอนุญาตด้วย
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ให้การว่า ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ การกำหนดเส้นทางเดินรถ จำนวนผู้ประกอบการขนส่งและจำนวนรถสำหรับขนส่งประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร ระหว่างจังหวัดและระหว่างประเทศให้เป็นอำนาจของจำเลยที่ ๑ การออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งในกรุงเทพมหานคร และขนส่งระหว่างจังหวัด การขนส่งระหว่างประเทศเป็นอำนาจของจำเลยที่ ๒ โดยอนุมัติของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ กำหนดเส้นทางรถโดยสารประจำทางหมวด ๒ สายที่ ๙๔๐ กรุงเทพฯ – สุรินทร์ – ศรีสะเกษ และที่จำเลยที่ ๒ ออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารในเส้นทางรถโดยสารประจำทางหมวด ๒ สายที่ ๙๔๐ กรุงเทพฯ -สุรินทร์ – ศรีสะเกษ ตามที่จำเลยที่ ๑ อนุมัติ เป็นการปฏิบัติการตามกฎและระเบียบแบบแผนของทางราชการโดยถูกต้อง โจทก์ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
จำเลยที่ ๓ ให้การว่า ฟ้องเคลือบคลุม การกำหนดเส้นทางรถโดยสารประจำทาง หมวด ๒ สายที่ ๙๔๐ เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง และการอนุญาตให้ประกอบการขนส่งในเส้นทางที่กำหนดดังกล่าว เป็นอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนตามกฎหมายไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นเพียงผู้ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบการขนส่งเท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการชี้สองสถานแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์และให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน ๗ วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ ปรากฏว่าโจทก์นำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ส่วนจำเลยที่ ๓ โจทก์ไม่นำส่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๑ และให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางประกอบด้ยปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทยหรือผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือผู้แทน เลขาธิการเร่งรัดพัฒนาชนบทหรือผู้แทน อธิบดีกรมตำรวจหรือผู้แทน อธิบดีกรมทางหลวง หรือผู้แทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้แทนและผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกินสามคนเป็นกรรมการ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกเป็นกรรมการและเลขานะการ คณะกรรมการดังกล่าวมีอำนาจและหน้าที่กำหนดเส้นทาง จำนวนผู้ประกอบการขนส่ง และจำนวนรถสำหรับการขนส่งประจำทางในกรุงเทพมหานคร ระหว่างจังหวัดและระหว่างประเทศ ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๖, ๑๙ ส่วนนายทะเบียนกลางเป็นผู้ออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งในกรุงเทพมหานครการขนส่งระหว่างจังหวัด การออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๐ ดังนี้การที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางโดยปลัดกระทรวงคมนาคมจำเลยที่ ๑ กำหนดเส้นทางรถโดยสารประจำทางหมวด ๒ สายที่ ๙๔๐ กรุงเทพฯ – สุรินทร์ – ศรีสะเกษ ขึ้นใหม่ และนายทะเบียนกลางจำเลยที่ ๒ ออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งในเส้นทางดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ ๓ จึงเป็นการปฏิบัติงานไปตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ส่วนข้อที่โจทก์ฟ้องอ้างว่าการที่จำเลยที่ ๑ มีมติกำหนดเส้นทางหมวด ๒ สายที่ ๙๔๐ กรุงเทพฯ – สุรินทร์ – ศรีสะเกษ ทับเส้นทางสายที่ ๒๙๒ หมวด ๓ สุรินทร์ – ศรีสะเกษ ที่โจทก์ได้รับอนุญาต และจำเลยที่ ๒ ออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งในเส้นทางดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ ๓ เป็นการกระทำโดยมิชอบใช้สิทธิไม่สุจริต และจงใจให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์นั้น เห็นว่า จำเลยที่ ๑ เป็นคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยบุคคลหลายฝ่าย การกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ดังกล่าวเป็นการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายดังวินิจฉัยมาแล้ว และตามคำฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ กระทำการอื่นใดนอกจากที่กล่าวแล้วอีก ดังนี้จึงถือไม่ด้ว่าการกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ตามคำฟ้องเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต จงใจให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์อันเป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ คดีไม่จำเป็นต้องสืบพยานต่อไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.