คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับ ว. ไปยังที่เกิดเหตุด้วยกันและคุยกันอยู่เป็นเวลาถึง 10 นาที จึงแยกกันไปรออยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ พอ ว. กระชากเอาสร้อยคอของผู้เสียหายวิ่งหนี ป. ไปได้เพียง 7.8 เมตร จำเลยก็เข้าขัดขวางโดยกำหมัดยกแขนจะทำร้าย ป. ทันทีการกระทำของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยกับ ว.ตกลงกันมาก่อนแล้วว่าเมื่อเกิดเหตุจำเลยมีหน้าที่กระทำอย่างไร เป็นการแบ่งแยกหน้าที่กันกระทำและเป็นการร่วมกับ ว. ทำการชิงทรัพย์ผู้เสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับนายวิเชียรระดาบุตรบังอาจร่วมกันชิงทรัพย์ของนางดวงใจชาวโพงพางผู้เสียหายโดยใช้กำลังกายผลักและถีบเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา๓๓๙,๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนพิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา๓๓๙,๘๖ลดโทษหนึ่งในสามตามมาตรา๗๘คงจำคุก๒ปี๑๑เดือน๑๗วัน
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา๓๓๙วรรคสองลดโทษหนึ่งในสามตามมาตรา๗๘คงจำคุก๖ปี๘เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าส่วนปัญหาว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการชิงทรัพย์ร่วมกับนายวิเชียรหรือไม่นั้นเห็นว่าจำเลยกับนายวิเชียรไปยังที่เกิดเหตุด้วยกันและคุยกันอยู่เป็นเวลาถึง๑๐นาทีจึงแยกกันไปรออยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุพอนายวิเชียรกระชากเอาสร้อยคอของผู้เสียหายวิ่งหนีจ่าโทประยูรไปได้เพียง๗-๘เมตรจำเลยก็เข้าไปขัดขวางโดยกำหมัดยกแขนจะทำร้ายจ่าโทประยูรทันทีการกระทำของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยกับนายวิเชียรตกลงกันมาก่อนแล้วว่าเมื่อเกิดเหตุจำเลยมีหน้าที่กระทำอย่างไรเป็นการแบ่งแยกหน้าที่กันกระทำและเป็นการร่วมกับนายวิเชียรทำการชิงทรัพย์ผู้เสียหาย
พิพากษายืน.

Share