คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3328/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้สัญญาเช่าซื้อจะกำหนดว่าจำเลยต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างเป็นรายเดือนภายในวันที่ 1 ของทุก ๆ เดือน แต่ตามที่ปฏิบัติจำเลยมิได้ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ในวันที่ 1 ของเดือนเป็นส่วนมาก เห็นได้ว่าโจทก์จำเลยมิได้มีเจตนาที่จะถือเอากำหนดเวลาเป็นสาระสำคัญ ดังนั้น ในงวดต่อมาแม้จำเลยจะไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามวันที่กำหนดไว้ในสัญญาโจทก์ก็จะบอกเลิกสัญญาทันทีไม่ได้ ต้องกำหนดระยะเวลาพอสมควรบอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าซื้อที่ติดค้างอยู่ก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387
จำเลยให้การว่าจำเลยชำระค่าเช่าซื้อทุกงวดให้โจทก์ตลอดมาโดยโจทก์ไม่เคยโต้แย้ง จำเลยไม่เคยผิดสัญญาเช่าซื้อ ดังนั้น การที่ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยมิได้ถือเอากำหนดเวลาชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาเป็นข้อสำคัญ ก็เป็นการวินิจฉัยว่าจำเลยไม่เคยผิดสัญญาเช่าซื้อดังที่จำเลยให้การนั่นเอง จึงหาเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อร้านค้าพร้อมทั้งสิทธิการเช่าที่ดินที่ปลูกร้านค้าจากโจทก์ ในวันทำสัญญาจำเลยได้ชำระเงินบางส่วน ส่วนที่เหลือจะผ่อนชำระเป็นงวด ๆ ภายในวันที่ ๑ ของทุกเดือนจนกว่าจะครบ ถ้าไม่ชำระตามกำหนด ยอมให้โจทก์บอกเลิกสัญญาและริบเงินที่ชำระไปแล้วทั้งสิ้น จำเลยผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อหลายงวด โจทก์เคยเตือนว่าหากผิดนัดอีกจะบอกเลิกสัญญา ต่อมาวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒๔ จำเลยก็ไม่นำเงินมาชำระอีก โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและให้จำเลยขนย้ายออกไป แต่จำเลยไม่ยอมออกจึงขอให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ได้ชำระค่าเช่าซื้อแก่ตัวแทนของโจทก์ตลอดมาทุกงวดโจทก์ไม่เคยโต้แย้งใด ๆ โจทก์ไม่เคยบอกกล่าวแก่จำเลยในเรื่องผิดสัญญาเช่าซื้อ จำเลยไม่เคยผิดสัญญาเช่าซื้อ เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒๔ จำเลยนำเงินไปชำระแก่ตัวแทนโจทก์ ดังที่เคยปฏิบัติ แต่ตัวแทนโจทก์ไม่ยอมรับ จำเลยจึงนำเงินไปวางไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์ โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยยังไม่ผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้สัญญาเช่าซื้อจะกำหนดว่า จำเลยต้องชำระค่าเช่าซื้อที่เหลือ ๑๕๐,๐๐๐ บาทต่อไปอีก ๓๐ งวดเป็นรายเดือน งวดละ ๕,๐๐๐ บาท ภายในวันที่ ๑ ของทุก ๆ เดือน งวดแรกภายในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒๓ แต่ตามที่ปฏิบัติจำเลยมิได้ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ในวันที่ ๑ ของเดือนเป็นส่วนมาก เห็นได้ว่าโจทก์จำเลยมิได้มีเจตนาที่จะถือเอากำหนดเวลาเป็นสาระสำคัญ ดังนั้น แม้จำเลยจะไม่ชำระค่าเช่าซื้อในงวดวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒๔ ตามวันที่กำหนดไว้ในสัญญา โจทก์ก็จะบอกเลิกสัญญาทันทีไม่ได้ หากต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๗โดยต้องกำหนดระยะเวลาพอสมควรบอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าซื้องวดวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒๔ ที่ติดค้างอยู่ ต่อเมื่อจำเลยไม่ชำระค่าเช่าซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนดนั้น โจทก์จึงจะบอกเลิกสัญญาได้ ดังนั้นเมื่อโจทก์ไม่กำหนดระยะเวลาพอสมควรบอกกล่าวให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าว จำเลยจึงยังไม่ผิดสัญญาชำระค่าเช่าซื้อ โจทก์ยังบอกเลิกสัญญาทันทีไม่ได้
ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยมิได้ต่อสู้ว่ากำหนดชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาไม่ใช่ข้อสาระสำคัญ การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาเช่นนั้น จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นนั้น เห็นว่า จำเลยให้การว่าจำเลยชำระค่าเช่าซื้อทุกงวดให้โจทก์ตลอดมาโดยโจทก์ไม่เคยโต้แย้งใด ๆ ต่อจำเลย โจทก์หรือตัวแทนโจทก์ไม่เคยได้บอกกล่าวแก่จำเลยในเรื่องผิดสัญญาเช่าซื้ออย่างใด จำเลยไม่เคยผิดสัญญาเช่าซื้อ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาว่าโจทก์จำเลยมิได้ถือเอากำหนดเวลาชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาเป็นข้อสำคัญ ก็เป็นการวินิจฉัยว่าจำเลยไม่เคยผิดสัญญาเช่าซื้อดังที่จำเลยให้การนั่นเอง หาเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่
พิพากษายืน

Share