คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 และที่ 3 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ไว้ต่อโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้ยักยอกเงินและทรัพย์สินของโจทก์ไป ที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์ของโจทก์คืนจากจำเลยที่ 1 ผู้ไม่มีสิทธิยึดถือทรัพย์ของโจทก์ไว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาให้เจ้าของทรัพย์ใช้สิทธิเช่นนี้เว้นแต่จะถูกจำกัดด้วยอายุความได้สิทธิ เมื่อคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ยังไม่ขาดอายุความ ข้ออ้างของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ต่อสู้ว่าคดี ของโจทก์ขาดอายุความ จึงฟังไม่ขึ้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างเดือนกรกฎาคม ๒๕๒๑ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๒๑ จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นพนักงานฝ่ายขายของโจทก์มีหน้าที่เก็บเงินจากลูกค้ายักยอกเงินของโจทก์หลายรายเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท และในระหว่างวันดังกล่าวจำเลยที่ ๑ ได้เบียดบังเอาเครื่องปรับอากาศของโจทก์อีกคิดเป็นเงิน ๘๕,๒๙๕ บาท ต่อมาวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๒๑ จำเลยที่ ๑ ทำหนังสือสัญญาไว้กับโจทก์ขอผ่อนชำระหนี้ทั้งสองจำนวนรวม ๑๑๕,๒๙๕ บาทเป็นงวด ๆ ให้โจทก์โดยออกเช็คไว้เป็นประกัน ถ้าผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดยอมให้โจทก์ฟ้องได้ทันที แต่จำเลยที่ ๑ ไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ต่างเป็นผู้ค้ำประกันความเสียหายอันเกิดจากการทำงานของจำเลยที่ ๑ ภายในวงเงินคนละ ๒๕,๐๐๐ บาท โดยจะต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ชำระเงินตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ยกับให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ร่วมกันชำระเงินคนละ ๒๕,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามฟ้องจริง แต่ได้ชำระหนี้เป็นเช็คให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว โจทก์ไม่นำเช็คดังกล่าวไปเบิกเงินจากธนาคารเอง จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดในเรื่องดอกเบี้ยตามที่โจทก์ฟ้อง ดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปีนับถัดจากวันฟ้องเป็นโมฆะ คดีขาดอายุความ
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ให้การว่า ได้ชำระหนี้ให้โจทก์แล้ว หากจะต้องรับผิดอีกก็ไม่เกิน ๖,๒๒๔ บาท จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ไม่เคยตกลงว่าจะรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ โจทก์ฟ้องคดีเกิน ๑ ปี นับแต่วันที่รู้ว่าจำเลยที่ ๑ ละเมิดโจทก์และทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ คดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินตามฟ้อง และให้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกันรับผิดในวงเงินคนละ ๒๕,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างของโจทก์ได้ยักยอกเงินและทรัพย์สินของโจทก์ไป ที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ ก็เป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์ของโจทก์คืนจากจำเลยที่ ๑ ผู้ไม่มีสิทธิยึดถือทรัพย์ของโจทก์ไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖ ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาให้เจ้าของทรัพย์ใช้สิทธิเช่นนี้ เว้นแต่จะถูกจำกัดด้วยอายุความได้สิทธิ และการที่จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ค้ำประกันจำเลยที่ ๑ มูลหนี้ของจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ก็เกิดจากสัญญา หาได้เกิดจากการละเมิดอันมีอายุความ ๑ ปีไม่ เมื่อคดีสำหรับจำเลยที่ ๑ ยังไม่ขาดอายุความ ข้ออ้างของจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ที่ต่อสู้ว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความ จึงฟังไม่ขึ้น
พิพากษากลับ

Share