แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
การไม่ยอมรับทรัพย์สินของลูกหนี้หรือสิทธิตามสัญญาที่มีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 90/41 ทวิ ผู้บริหารแผนจะต้องระบุถึงทรัพย์สินและสิทธิตามสัญญาที่จะไม่ยอมรับในแผนฟื้อฟูกิจการหรือข้อเสนอขอแก้ไขแผน และจะต้องกระทำภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันที่ผู้บริหารแผนทราบคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนหรือคำสั่งเห็นชอบด้วยข้อเสนอขอแก้ไขแผนแล้ว สิทธิตามสัญญาดังกล่าวยังจะต้องเป็นสัญญาที่มีผลใช้บังคับอยู่ มิใช่ได้มีการไม่ยอมรับหรือบอกเลิกสัญญาดังกล่าวไปแล้ว
เมื่อสัญญาจ้างผู้ร้องได้มีการบอกเลิกสัญญาไปแล้วก่อนศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยข้อเสนอขอแก้ไขแผน และคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลแรงงานกลางว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมหรือไม่ การที่ต่อมาผู้บริหารแผนยื่นข้อเสนอขอแก้ไขแผนตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 90/63 วรรคหนึ่ง เพื่อที่จะขอใช้อำนาจไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างผู้ร้องดังกล่าว ทั้งที่สัญญาไม่มีผลใช้บังคับแล้วจึงไม่ชอบด้วยมาตรา 90/41 ทวิ
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2543 และมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนโดยมีบริษัทอี๊สต์ – เวสต์คอนซัลติ้ง แอนด์ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด เป็นผู้บริหารแผน เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2544 ต่อมาศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยข้อเสนอขอแก้ไขแผนเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2546
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทำงานกับลูกหนี้ตั้งแต่ปี 2539 ตำแหน่งสุดท้ายเป็นที่ปรึกษาบริษัทลูกหนี้ ต่อมาเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2546 ลูกหนี้มีหนังสือแจ้งผู้ร้องเรื่องไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างผู้บริหารระหว่างลูกหนี้กับผู้ร้อง ฉบับลงวันที่ 25 ตุลาคม 2534 โดยกล่าวอ้างว่ามีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้ตามที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/41 ทวิ ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาดังกล่าว
ผู้บริหารแผนยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งของผู้บริหารแผนที่ไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างผู้บริหารระหว่างลูกหนี้กับผู้ร้อง ฉบับลงวันที่ 25 ตุลาคม 2539
ผู้บริหารแผนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้อววินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้บริหารแผนว่า ผู้บริหารแผนมีอำนาจไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างผู้ร้องฉบับลงวันที่ 25 ตุลาคม 2539 หรือไม่ เห็นว่า แม้ภายหลังจากศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนแล้วผู้บริหารแผนมีอำนาจที่จะเสนอขอแก้ไขแผนข้อ 10 เรื่องการไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างผู้บริหารตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/63 วรรคหนึ่ง และศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยข้อเสนอขอแก้ไขแผนดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่ข้อกำหนดที่ขอแก้ไขในแผนดังกล่าวจะดำเนินการได้หรือไม่ย่อมเป็นปัญหาในชั้นปฏิบัติตามแผนที่ขอแก้ไข ซึ่งศาลมีอำนาจที่จะตรวจสอบเนื้อหาและรายละเอียดข้อเท็จจริงของการใช้อำนาจของผู้บริหารแผนดังกล่าวได้อีกว่าถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่ทั้งการไม่ยอมรับทรัพย์สินของลูกหนี้หรือสิทธิตามสัญญาที่มีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/41 ทวิ นอกจากจะต้องระบุถึงทรัพย์สินและสิทธิตามสัญญาที่จะไม่ยอมรับในแผนฟื้นฟูกิจการหรือข้อเสนอขอแก้ไขแผน และจะต้องกระทำภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันที่ผู้บริหารแผนทราบคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนหรือคำสั่งเห็นชอบด้วยข้อเสนอขอแก้ไขแผนแล้ว สิทธิตามสัญญาดังกล่าวยังจะต้องเป็นสัญญาที่มีผลใช้บังคับอยู่มิใช่ได้มีการไม่ยอมรับหรือบอกเลิกสัญญาดังกล่าวไปแล้ว เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงในชั้นปฏิบัติตามแผนที่ขอแก้ไขว่า สิทธิตามสัญญาจ้างผู้ร้องฉบับลงวันที่ 25 ตุลาคม 2539 ได้มีการบอกเลิกสัญญาไปแล้วตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2545 ตามสำเนาหนังสือเลิกจ้างและสำเนาประกาศของลูกหนี้ และคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแรงงานกลางว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมหรือไม่ การที่ผู้บริหารแผนยื่นข้อเสนอขอแก้ไขแผนเพื่อที่จะขอใช้อำนาจไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างผู้ร้องดังกล่าวทั้งที่สัญญาไม่มีผลใช้บังคับแล้วเนื่องจากลูกหนี้ได้บอกเลิกสัญญาดังกล่าวไปแล้ว จึงไม่ชอบด้วยมาตรา 90/41 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งของผู้บริหารแผนที่ไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาจ้างดังกล่าวมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของผู้บริหารแผนฟังไม่ขั้น”
พิพากษายืน