คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ผู้คัดค้านชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่ผู้ร้องตามคำชี้ขาดของอนุญาตโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากอนุญาโตตุลากรสมาคมประกันวินาศภัยไม่มีอำนาจพิจารณาและชี้ขาดคำเสนอข้อพิพาทของผู้ร้องนั้น เป็นกรณีที่ผู้คัดค้านกล่าวอ้างว่าการบังคับตามคำชี้ขาดและคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนตาม พ.ร.บ. อนุญาตโตตุลาการฯ มาตรา 45 ประกอบกับ ป.วิ.พ. มาตรา 222 ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้
ตามสัญญาการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยบทส่งท้าย ข้อ 35 ที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านได้ร่วมกันทำขึ้นระบุว่า “คู่สัญญามีสิทธิถอนตัวออกจากความผูกพันตามสัญญานี้ได้โดยการมีหนังสือแจ้งการถอนตัวส่งถึงนายกสมาคมประกันวินาศภัยล่วงหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 60 วัน ก่อนวันที่การบอกเลิกมีผลบังคับ และผลแห่งการบอกเลิกสัญญานี้ไม่กระทบถึงเรื่องที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการและเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนการบอกกล่าวถอนตัวจะมีผล” เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่ามูลเหตุแห่งข้อพิพาทตามคำเสนอข้อพิพาทที่ผู้ร้องเสนอต่ออนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนการบอกกล่าวถอนตัวของผู้คัดค้านจะมีผล ดังนั้น ผลแห่งการบอกเลิกสัญญาของผู้คัดค้านจึงไม่มีผลกระทบถึงเรื่องดังกล่าว ผู้ร้องและผู้คัดค้านยังคงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติต่อกันตามสัญญาการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยต่อไป แม้ผู้ร้องจะยื่นคำเสนอข้อพิพาทหลังจากการบอกเลิกสัญญามีผลแล้ว อนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยก็ยังมีอำนาจพิจารณาและชี้ขาดคำเสนอข้อพิพาทของผู้ร้องได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลพิพากษาตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยหมายเลขแดงที่ 581/2547, หมายเลขแดงที่ 603/2547, หมายเลขแดงที่ 718/2547, หมายเลขแดงที่ 818/2547, หมายเลขแดงที่ 819/2547, หมายเลขแดงที่ 858/2547, หมายเลขแดงที่ 859/2547, หมายเลขแดงที่ 1046/2547, หมายเลขแดงที่ 1061/2547, หมายเลขแดงที่ 1095/2547, หมายเลขแดงที่ 1096/2547, หมายเลขแดงที่ 1137/2547, หมายเลขแดงที่ 1168/2547, หมายเลขแดงที่ 1305/2547 รวมเป็นต้นเงินและดอกเบี้ยพร้อมค่าธรรมเนียมชั้นอนุญาโตตุลาการทั้ง 14 คำชี้ขาดเป็นเงิน 181,605.88 บาท และดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 128,491.94 บาท นับถัดจากวันยื่นคำร้องเป็นต้นไปจนกว่าผู้คัดค้านจะชำระเงินแก่ผู้ร้องเสร็จสิ้น
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ผู้คัดค้านชำระเงินจำนวน 181,605.88 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 128,491.94 บาท นับถัดจากวันที่ยื่นคำร้อง (ยื่นคำร้องวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2549) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
ผู้คัดค้านอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ผู้ร้องกับผู้คัดค้านตกลงกันทำสัญญาการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัย ต่อมาผู้คัดค้านได้ทำหนังสือขอถอนตัวจากสัญญาดังกล่าวซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2545 ผู้ร้องยื่นคำเสนอข้อพิพาททั้ง 14 คำเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยชี้ขาดอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยมีคำชี้ขาดให้ผู้คัดค้านชำระเงินแก่ผู้ร้องทั้ง 14 คำเสนอข้อพิพาท มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกว่า ผู้คัดค้านมีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาหรือไม่ เห็นว่า ผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ผู้คัดค้านชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่ผู้ร้องตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยทั้ง 14 คำชี้ขาดไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยไม่มีอำนาจพิจารณาและชี้ขาดคำเสนอข้อพิพาททั้ง 14 คำเสนอข้อพิพาทของผู้ร้องนั้น เป็นกรณีที่ผู้คัดค้านกล่าวอ้างว่าการบังคับตามคำชี้ขาดและคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 45 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 222 ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อมาว่า อนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยมีอำนาจพิจารณาและชี้ขาดข้อพิพาททั้ง 14 คำเสนอข้อพิพาทดังกล่าวได้หรือไม่ ผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่า การที่ผู้ร้องยื่นคำเสนอข้อพิพาททั้ง 14 คำเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยภายหลังวันที่ 1 ตุลาคม 2545 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านได้พ้นจากความผูกพันตามสัญญาการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยแล้ว อนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยจึงไม่มีอำนาจรับเรื่องไว้พิจารณานั้น เห็นว่า ตามสัญญาการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัย บทส่งท้าย ข้อ.35 ที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านได้ร่วมกันทำขึ้นระบุว่า “คู่สัญญามีสิทธิถอนตัวออกจากความผูกพันตามสัญญานี้ได้โดยการมีหนังสือแจ้งการถอนตัวส่งถึงนายกสมาคมประกันวินาศภัยล่วงหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 60 วัน ก่อนวันที่การบอกเลิกมีผลบังคับ และผลแห่งการบอกเลิกสัญญานี้ไม่กระทบถึงเรื่องที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการและเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนการบอกกล่าวถอนตัวจะมีผล” เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่ามูลเหตุแห่งข้อพิพาทตามคำเสนอข้อพิพาททั้ง 14 คำเสนอข้อพิพาท ที่ผู้ร้องเสนอต่ออนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนการบอกกล่าวถอนตัวของผู้คัดค้านจะมีผล ดังนั้น ผลแห่งการบอกเลิกสัญญาของผู้คัดค้านจึงไม่มีผลกระทบถึงเรื่องดังกล่าวผู้ร้องและผู้คัดค้านยังคงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติต่อกันตามสัญญาการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยกันต่อไป แม้การบอกเลิกสัญญาจะมีผลแล้วผู้ร้องก็ยังคงมีสิทธิยื่นคำเสนอข้อพิพาททั้ง 14 คำเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยได้ อนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยจึงมีอำนาจพิจารณาและชี้ขาดคำเสนอข้อพิพาททั้ง 14 คำเสนอข้อพิพาทของผู้ร้องที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ผู้คัดค้านชำระเงินแก่ผู้ร้องตามที่อนุญาโตตุลาการสมาคมประกันวินาศภัยชี้ขาดมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share