คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3259/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องสอดเป็นผู้เยาว์และเป็นเจ้าของรวมกับจำเลยในที่ดินพิพาท จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ 200 ตารางวา ซึ่งไม่เกินส่วนของตนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 วรรคแรก และเนื่องจากจำเลยไม่ได้นำเอาที่ดินส่วนของผู้ร้องสอดมาขายให้โจทก์จึงไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากผู้ร้องสอดและศาลเสียก่อน เพราะมิใช่เป็นกรณีที่จำเลยนำที่ดินของผู้เยาว์ไปทำนิติกรรมขายให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอ่างทองแบ่งขายที่พิพาทซึ่งโจทก์เข้าปลูกบ้านอาศัยอยู่แล้วอันเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๙๔๙ ตำบลองครักษ์ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทองกว้าง ๗.๕ วา ยาว ๒๖.๖ วา คือยาวตลอดที่ดินคิดเป็นเนื้อที่ ๒๐๐ ตารางวา ให้โจทก์ระหว่างบังคับคดีนายบุญนาค นาคโชติ โดยมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมร้องสอดเข้ามาว่า ผู้ร้องสอดและจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินพิพาทโดยรับมรดกมาจากนายสังเวียน นายโชติบิดาผู้ร้องสอดและสามีจำเลย จำเลยไม่มีสิทธิที่จะนำที่ดินพิพาทบางส่วนจำนวน ๒๐๐ ตารางวา ไปขายให้โจทก์ได้โดยลำพังโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ร้องสอดและศาลเสียก่อน การที่ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนขายที่ดินทำให้ผู้ร้องสอดเสียสิทธิในที่ดินดังกล่าวไปโดยไม่ชอบ ขอให้พิพากษาให้สัญญาจะซื้อขายเอกสารหมาย จ.๑ เป็นโมฆะห้ามมิให้โจทก์เข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าว และให้ขนย้ายสิ่งปลูกสร้าง ทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดิน
โจทก์คัดค้านว่า จำเลยมีสิทธิในที่ดินพิพาทเท่า ๆ กับผู้ร้องในการทำสัญญาขายที่ดินให้โจทก์ จำเลยทำในฐานะเป็นทายาทและในฐานะผู้ใช้อำนาจปกครองผู้ร้องสอด ผู้ร้องสอดจึงต้องผูกพันตามสัญญา ขอให้ยกคำร้องและให้บังคับไปตามคำพิพากษาศาลฎีกา
ในวันชี้สองสถาน โจทก์รับว่าผู้ร้องสอดเป็นผู้เยาว์และเป็นเจ้าของรวมกับจำเลยในที่ดินพิพาท ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยมีอำนาจขายที่พิพาท ส่วนของตนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖ สัญญาเอกสารหมาย จ.๑ สมบูรณ์ผูกพันเฉพาะส่วนที่เป็นสิทธิของจำเลยแต่ไม่ผูกพันส่วนที่เป็นสิทธิของผู้ร้องสอด โจทก์เป็นเจ้าของรวมที่พิพาทมีจำนวนเนื้อที่ ๒๐๐ ตารางวา หากเจ้าของรวมไม่สามารถแบ่งแยกกันได้ให้นำมาขายทอดตลาดแบ่งเงินกันตามสิทธิ พิพากษายกคำร้องของผู้ร้องสอด
ผู้ร้องสอดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีสิทธิจำหน่ายที่ดินส่วนของตนได้ตามมาตรา ๑๓๖๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สัญญาจะซื้อขายเอกสารหมาย จ.๑ ไม่ได้ระบุว่าที่ดินที่จำเลยจะขายให้โจทก์เป็นส่วนไหนจึงถือว่าจำเลยขายที่ดิน ๒๐๐ ตารางวาเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น สัญญาตามเอกสารหมาย จ.๑ ไม่เป็นโมฆะ พิพากษายืน
ผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ผู้ร้องสอดเป็นผู้เยาว์และเป็นเจ้าของรวมกับจำเลยในที่ดินพิพาท แต่ก็ปรากฏว่าที่ดินแปลงดังกล่าวมีเนื้อที่ ๒ ไร่ ๑ งาน ๘ ตารางวา จำเลยจึงมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนของตน ๑ ไร่ ๙๐ ตารางวา การที่จำเลยขายที่ดินพิพาทให้โจทก์เพียง ๒๐๐ ตารางวาจึงไม่เกินส่วนของตน จำเลยย่อมมีสิทธิจำหน่ายที่ดินส่วนของตนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๖๑ วรรคแรก และเนื่องจากจำเลยไม่ได้นำเอาที่ดินส่วนของผู้ร้องสอดมาขายให้โจทก์แต่อย่างใดจึงไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากผู้ร้องสอดและศาลเสียก่อน เพราะมิใช่กรณีที่จำเลยนำที่ดินของผู้เยาว์ไปทำนิติกรรมขายให้แก่โจทก์อันจะต้องได้รับอนุญาตจากศาลดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๗๔ สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยสมบูรณ์ใช้บังคับได้
พิพากษายืน

Share