คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2020/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาประนีประนอมยอมความกำหนดว่า โจทก์ยอมชำระเงินจำนวนหนึ่งให้แก่จำเลยภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันทำสัญญา และจำเลยจะไปจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันได้รับชำระเงินนั้น เป็นการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนเพื่อให้โจทก์ชำระค่าที่ดิน อันเป็นสารสำคัญของสัญญาซึ่งคู่สัญญาต่างก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกำหนดระยะเวลาตามข้อสัญญาดังกล่าว เป็นคนละเรื่องกับสิทธิที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งมีกำหนดสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา เมื่อโจทก์มิได้ชำระราคาที่ดินให้แก่จำเลยภายในกำหนดระยะเวลาตามข้อสัญญา โจทก์ย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดและไม่มีสิทธิที่จะขอให้บังคับคดีแก่จำเลยให้โอนขายที่ดินแก่ตนได้ โจทก์จะอ้างว่ามีสิทธิบังคับคดีได้ภายในกำหนดสิบปีนับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความหรือมีคำพิพากษาในกรณีเช่นนี้ย่อมเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่าจำเลยทั้งสองยอมร่วมกันไปจดทะเบียนโอนที่ดินตามโฉนดให้แก่โจทก์ โดยโจทก์ยอมชำระเงินจำนวน ๒๕,๐๐๐ บาท ให้แก่จำเลยที่ ๒ ภายในกำหนด ๑ ปี นับแต่วันทำสัญญา และเมื่อจำเลยที่ ๒ ได้รับเงินจากโจทก์เรียบร้อยแล้วจำเลยทั้งสองจะไปจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวภายใน ๗ วันนับแต่วันได้รับชำระเงิน ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาตามยอมเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ต่อมาเมื่อเลยกำหนด ๑ ปีแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่า จำเลยทั้งสองไม่ยินยอมไปจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้ศาลบังคับ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นฝ่ายมิได้ชำระเงินค่าที่ดินให้แก่จำเลยที่ ๒ ภายในกำหนด ๑ ปีตามที่กำหนดไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ในปัญหาที่ว่าโจทก์มีสิทธิบังคับคดีให้จำเลยโอนขายที่ดินแก่โจทก์ได้หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์และจำเลยที่ ๒ ตกลงกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความว่า โจทก์ยอมชำระเงินจำนวน ๒๕,๐๐๐ บาทให้แก่จำเลยที่ ๒ ภายในกำหนด ๑ ปี นับแต่วันทำสัญญา และจำเลยทั้งสองจะไปจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ภายในกำหนด ๗ วันนับแต่วันได้รับชำระเงินนั้น เป็นการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนเพื่อให้โจทก์ชำระค่าที่ดิน อันเป็นสารสำคัญของสัญญาซึ่งคู่สัญญาต่างก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม เพราะมิฉะนั้นอาจเกิดความเสียหายแก่คู่สัญญาได้ กำหนดระยะเวลาที่ต้องปฏิบัติตามข้อสัญญาดังกล่าวเป็นคนละเรื่องกับสิทธิที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งมีกำหนด ๑๐ ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา โจทก์จะอ้างว่ามีสิทธิบังคับคดีได้ภายในกำหนด ๑๐ ปี นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความหรือมีคำพิพากษาในกรณีเช่นนี้ย่อมเป็นการไม่ชอบ ดังนั้นเมื่อโจทก์มิได้ชำระราคาที่ดินให้แก่จำเลยภายในกำหนดเวลา โจทก์ย่อมเป็นฝ่ายผิดนัดไม่ปฏิบัติตามข้อความในสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้บังคับคดีแก่จำเลยให้ปฏิบัติการโอนขายที่ดินแก่ตนได้
พิพากษายืน

Share