แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์กู้เงินจากธนาคารมาซื้อที่พิพาทซึ่งมีบ้านของจำเลยปลูกอยู่โดยละเมิด โดยโจทก์ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารนั้น การที่ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารเกิดจากโจทก์ไม่ชำระหนี้เงินกู้ให้ธนาคาร หาใช่เกิดจากจำเลยยังอยู่ในที่พิพาทไม่ ดอกเบี้ยจึงไม่ใช่ค่าเสียหายอันเกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดโดยซื้อมาจากนางสดศรีจำเลยปลูกบ้านบนที่ดินดังกล่าวโดยเช่าจากเจ้าของเดิม หลังจากโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์แล้ว โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป แต่จำเลยก็ไม่รื้อถอนให้โจทก์ได้รับความเสียหาย กล่าวคือ โจทก์จะก่อสร้างห้องแถวเพื่อทำการค้า ราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงงานในการก่อสร้างสูงขึ้นเรื่อย ๆโจทก์ขอคิดค่าเสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท และการซื้อที่ดินดังกล่าวโจทก์ได้ยืมเงินจากธนาคาร ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารวันละ 50 บาทขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของจำเลยออกไป(และส่งมอบที่ดินให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องอีกต่อไป) และให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้หลายประการ และว่าการที่โจทก์เสียดอกเบี้ยธนาคารนั้น ไม่ใช่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยโดยตรงความเสียหายเพราะค่าวัสดุก่อสร้างและค่าแรงงานสูงขึ้น ก็ไม่ใช่ความเสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายทั้งสองประการจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 500 บาทนับตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2523 จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่พิพาท
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ที่โจทก์ต้องเสียดอกเบี้ยให้ธนาคารวันละ 49 บาทนั้น จำเลยไม่ต้องรับผิด ส่วนที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยต้องรับผิดในค่าเสียหายจากการที่โจทก์ไม่ได้ใช้ที่พิพาทนั้น เป็นการวินิจฉัยนอกคำฟ้องและนอกประเด็น พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะในเรื่องค่าเสียหาย
โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ต้องกู้ยืมเงินจากธนาคารมาซื้อที่พิพาทต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารวันละ 49 บาท การที่จำเลยยังคงอยู่ในที่พิพาทของโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โดยโจทก์ต้องเสียดอกเบี้ยแก่ธนาคารวันละ 49 บาท ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นค่าเสียหายโดยตรงจากการละเมิดของจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ซื้อที่พิพาทโดยไปกู้เงินจากธนาคารและต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารนั้น เป็นเรื่องโจทก์ไปก่อหนี้ขึ้นเองไม่เกี่ยวกับการที่จำเลยยังอยู่ในที่พิพาท เพราะถึงแม้จำเลยจะยังอยู่หรือไม่อยู่ในที่พิพาทก็ตาม โจทก์ก็ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารอยู่นั่นเอง การที่โจทก์ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ธนาคาร เกิดจากโจทก์ไม่ชำระหนี้เงินกู้ให้ธนาคารเอง หาใช่เกิดจากจำเลยยังอยู่ในที่พิพาทไม่ จึงไม่ใช่ค่าเสียหายอันเกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลยดังโจทก์อ้าง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์
พิพากษายืน