คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นพ่อค้าเครื่องยนต์เพื่ออุตสาหกรรม ตัวแทนของจำเลยได้ตกลงจะชำระหนี้ค่าซื้อเครื่องยนต์เช่นว่านั้นให้โจทก์ภายในวันที่ 24 ก.ค.2493 เมื่อถึงกำหนดไม่มีการชำระหนี้ เช่นนี้ ต้องถือว่าจำเลยซึ่งเป็นตัวการผิดนัดด้วย โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องแก่จำเลยได้ตั้งแต่วันผิดนัด คือ วันที่ 24 ก.ค.2493 อายุความจึงเริ่มนับตั้งแต่นั้นมา โจทก์มายื่นฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2499 เกิน 5 ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) และ มาตรา 165 วรรคสอง เกี่ยวกับการนับอายุความ ให้เริ่มนับแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เท่านั้น ไม่ได้กล่าวถึงวันรู้ (คือ วันที่โจทก์รู้ว่าจำเลยเป็นตัวการ) จะนำมาสงเคราะห์เทียบเคียงกันไม่ได้กับ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448เรื่องละเมิด ซึ่งมีอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้ที่จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
สิทธิเรียกร้องของโจทก์เกิดขึ้นโดยตัวแทนของจำเลยไปซื้อเครื่องยนต์จากโจทก์และตัวแทนของจำเลยตกลงจะชำระหนี้ให้ต่อมาไม่มีการชำระหนี้เมื่อเกิดผิดนัดขึ้นเมื่อใด ก็เกิดสิทธิเรียกร้องที่โจทก์ อาจบังคับแก่จำเลยได้ตั้งแต่นั้นมามิใช่ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์จะเพิ่งมาตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาคดีระหว่างโจทก์กับตัวแทนของจำเลยในเรื่องหนี้สินรายเดียวกันนี้

ย่อยาว

ได้ความว่า โจทก์เป็นพ่อค้าฟ้องเรียกเอาค่าเครื่องยนต์ที่ส่งมอบไปเพื่ออุตสาหกรรมของจำเลย โดยนายเช็งโหมวตัวแทนของจำเลยไปตกลงจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์ภายในวันที่ 24 กรกฎาคม 2493 เมื่อถึงกำหนด ไม่มีการชำระหนี้ โจทก์จึงมายื่นฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2499 จำเลยต่อสู้ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความด้วย

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสองว่า คดีโจทก์ขาดอายุความให้ยกฟ้องโจทก์

ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกามีว่าเรื่องนี้นายเช็งโหมวตัวแทนของจำเลยไปตกลงจะชำระหนี้ให้โจทก์ภายในวันที่ 24 กรกฎาคม 2493เมื่อถึงกำหนด ไม่มีการชำระหนี้ก็ต้องถือว่า จำเลยซึ่งเป็นตัวการผิดนัด และโจทก์อาจจะบังคับสิทธิเรียกร้องแก่จำเลยได้ตั้งแต่วันผิดนัด คือ วันที่ 24 กรกฎาคม 2493 อายุความจึงเริ่มนับตั้งแต่นั้นมาโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2499ซึ่งล่วงเลยเวลามา 6 ปีเศษ คดีโจทก์จึงขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1) และมาตรา 165 วรรค 2 ซึ่งบัญญัติว่าสิทธิเรียกร้องนี้มีอายุความ 5 ปี ที่โจทก์โต้แย้งว่า ต้องนับแต่วันโจทก์รู้ว่าจำเลยเป็นตัวการนั้น บทกฎหมายดังกล่าวมาแล้วเรื่องการนับอายุความไม่ได้กล่าวถึงวันรู้ แต่ให้เริ่มนับแต่วันที่อาจจะบังคับสิทธิเรียกร้องได้เท่านั้น ในฎีกาโจทก์ที่กล่าวถึงอายุความในเรื่องละเมิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ซึ่งมีกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ที่จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนพอเทียบเคียงกันได้กับคดีนี้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องละเมิดก็มีอายุความ 10 ปี เป็นแต่ถ้าผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วอายุความที่จะฟ้องสั้นลง คือ ต้องฟ้องเสียใน 1 ปี นับแต่รู้เป็นเรื่องที่กฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้คนละอย่าง จะเอามาสงเคราะห์เทียบเคียงให้เป็นทำนองเดียวกันมิได้

ส่วนตามฎีกาของโจทก์ที่ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์ตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาชั้นที่สุดของศาลในคดีที่โจทก์ฟ้องนายเช็งโหมวจึงย่อมมีอายุความ 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 168 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้สิทธิเรียกร้องของโจทก์เกิดขึ้นโดยตัวแทนของจำเลยไปซื้อเครื่องยนต์จากโจทก์และตัวแทนของจำเลยตกลงจะชำระหนี้ให้ต่อมาไม่มีการชำระหนี้ เมื่อเกิดผิดนัดขึ้นเมื่อใดก็เกิดสิทธิเรียกร้องที่โจทก์อาจจะบังคับแก่จำเลย (ซึ่งเป็นตัวการ)ได้ตั้งแต่นั้นมา มิใช่ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์จะเพิ่งมาตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาคดีระหว่างโจทก์กับนายเช็งโหมว (ตัวแทนของจำเลย)

Share