คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดฐานหุ้นส่วน ถ้าฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายให้เห็นว่า จำเลยที่ 2เป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ ถึงแม้จำเลยที่ 2 จะเข้ามาเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ในการขายสุกรของหุ้นส่วนก็ดี ศาลก็จะบังคับให้จำเลยที่ 2 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นหุ้นส่วนไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยที่ ๑ เข้าหุ้นกันเลี้ยงสุกรขาย โจทก์มีลูกสุกร ๑๙ ตัวเป็นทุน และเป็นผู้เลี้ยงสุกร จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ออกค่ารำ เมื่อขายสุกรได้แล้วตกลงแบ่งเงินกันคนละครึ่ง ต่อมาจำเลยที่ ๑ บอกว่ารำราคาแพง ให้ขายสุกรเสีย โจทก์ก็ตกลงแล้วจำเลยที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๒ ผู้เป็นบุตรมาจับสุกรทั้ง ๑๙ ตัวนั้นไปขายได้เงิน ๑๑,๔๗๓ บาท แต่จำเลยไม่แบ่งเงินให้โจทก์ ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองชำระราคาสุกรกึ่งหนึ่งเป็นเงิน ๕,๗๓๖.๕๐ บาท กับดอกเบี้ยให้โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า เป็นหุ้นส่วนกับโจทก์จริง แต่โจทก์เป็นผู้ออกแรงเลี้ยงเท่านั้น จำเลยที่ ๑ ออกเงินซื้อสุกรและออกเงินค่ารำ ตกลงกันว่าเมื่อขายสุกรได้แล้ว โจทก์จะได้เงิน ๑ ส่วน จำเลยที่ ๑ ได้ ๒ ส่วน จำเลยที่ ๑ ไม่เคยบอกโจทก์ว่าจะขายสุกรและไม่เคยใช้จำเลยที่ ๒ ให้จับสุกรไปขาย
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่า ได้ซื้อสุกร ๑๙ ตัว มาจากโจทก์เป็นเงิน ๑๑,๔๗๓ บาท โดยไม่ทราบว่าโจทก์กับจำเลยที่ ๑ เป็นหุ้นส่วนกัน จำเลยที่ ๒ ได้ชำระราคาสุกร ๑๑,๔๗๓ บาทให้โจทก์ไปแล้ว
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงตามฟ้อง พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๕,๗๓๖.๕๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์นั้น จำเลยที่ ๒ เป็นเพียงผู้ไปทำการแทนจำเลยที่ ๑ ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนด้วย จึงพิพากษาแก้ศาลชั้นต้นว่า ให้จำเลยที่ ๑ แต่ผู้เดียวใช้เงิน ๕,๗๓๖.๕๐ บาท กับดอกเบี้ยแก่โจทก์ ส่วนจำเลยที่ ๒ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยที่ ๒ ร่วมรับผิดด้วย
จำเลยที่ ๑ ฎีกาในข้อเท็จจริงว่า โจทก์จำเลยตกลงแบ่งเงินค่าขายสุกรกัน คือ โจทก์ ได้ ๑ ส่วน จำเลยที่ ๑ ได้ ๒ ส่วน และโจทก์ได้รับเงินค่าสุกรไปจากจำเลยที่ ๒ แล้ว
ศาลฎีกาพิเคราะห์ฟ้องของโจทก์แล้ว ไม่มีความตอนใดที่โจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนด้วย โจทก์บรรยายเพียงว่า จำเลยที่ ๑ มาบอกโจทก์ว่าจะให้จำเลยที่ ๒ มาจับสุกรไปขายกิโลกรัมละ ๗ บาท แล้วจำเลยที่ ๑ จะนำเงินมาแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง โจทก์ก็ตกลง ต่อมาจำเลยที่ ๒ ก็มาจับสุกรไป ดังนี้จึงเห็นได้ว่า จำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๑ มาจับสุกรไปขายเท่านั้น โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดฐานหุ้นส่วน ถ้าฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายให้เห็นว่า จำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ ถึงแม้จำเลยที่ ๒ จะเข้ามาเป็นคู่กรณีโดยเป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๑ ในการขายสุกรของหุ้นส่วนก็ดี ศาลก็จะบังคับให้จำเลยที่ ๒ รับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ในฐานะเป็นหุ้นส่วนด้วยคนหนึ่งไม่ได้ และฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ ยังไม่ได้แบ่งเงินค่าขายสุกรให้โจทก์
พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share