คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 143/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้าพร้อมทั้งดอกเบี้ยเป็นเงิน 47,339.95 บาท แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเพียง 46,591.95 บาท ตามคำฟ้องเดิมจึงเท่ากับว่าศาลพิพากษาให้จำเลยชำระไม่เต็มตามคำฟ้องโจทก์ เงินที่ขาดไปไม่ใช่เป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาไปตามลำดับ เมื่อโจทก์ไม่ใช้สิทธิอุทธรณ์ ศาลย่อมไม่มีอำนาจแก้ไขได้

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินค่าซื้อเชื่อสินค้ารวมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์เป็นเงิน ๔๖,๕๙๑.๙๕ บาทแก่โจทก์ ต่อมาได้ขอแก้ไขคำฟ้องเป็น ๔๗,๓๓๙.๙๕ บาท ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๔๖,๕๙๑.๙๕ บาทแก่โจทก์คดีถึงที่สุด
ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ตามคำขอท้ายฟ้องเดิม มิได้พิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องไว้ ขอให้แก้ไขเพิ่มเติมคำพิพากษาเสียใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องว่า ศาลได้พิพากษาไปแล้วและโจทก์มิได้อุทธรณ์ คดีจึงถึงที่สุด ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำพิพากษาหรือคำสั่งใดหากมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ และมิได้มีการอุทธรณ์หรือฎีกาคัดค้านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น ศาลที่ได้พิพากษาหรือมีคำสั่งมีอำนาจแก้ไขตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๓ สำหรับคดีนี้โจทก์ฟ้องและขอแก้ไขคำฟ้องให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้าที่จำเลยซื้อเชื่อไปจากโจทก์ รวม ๑๗ คราว พร้อมทั้งค่าดอกเบี้ยด้วยเป็นเงิน ๔๗,๓๓๙ บาท ๙๕ สตางค์ แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเพียง ๔๖,๕๙๑ บาท ๙๕ สตางค์ เงินขาดไป ๗๔๘ บาท จึงเท่ากับว่าศาลพิพากษาให้จำเลยชำระไม่เต็มตามคำฟ้องโจทก์ เงินที่ขาดไปไม่ใช่เป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาไปตามลำดับแต่โจทก์ไม่ใช้สิทธิอุทธรณ์ เมื่อกรณีไม่ใช่เป็นข้อผิดพลาดหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยศาลย่อมไม่มีอำนาจแก้ไขได้ ที่ศาลล่างทั้งสองให้ยกคำร้องของโจทก์ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share