คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2810/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บทบัญญัติมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 ที่ว่า ในกรณีที่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 40 วรรคสอง หากจำเลยมาแถลงให้ศาลแรงงานทราบถึงความจำเป็นที่ไม่อาจมาศาลได้ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลแรงงานมีคำสั่ง ศาลแรงงานมีอำนาจไต่สวนถึงเหตุแห่งความจำเป็นนั้นได้และหากเห็นเป็นการสมควร ให้ศาลแรงงานมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งตามมาตรา 40 นั้นใหม่ เสมือนหนึ่งมิได้เคยมีกระบวนพิจารณาเช่นว่านั้น เป็นกรณีที่จำเลยได้รับหมายเรียกและกำหนดนัดพิจารณาแล้ว หากจำเลยอ้างว่าจำเลยไม่ทราบกำหนดนัดพิจารณาเพราะสถานที่ส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกไม่ใช่ภูมิลำเนาแท้จริงของจำเลยกรณีต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ เป็นลูกจ้างประจำของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๒๔ จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์ทั้งสามโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าและไม่จ่ายค่าชดเชยระหว่างทำงานจำเลยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ให้โจทก์ทั้งสามทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์โดยไม่จ่ายค่าทำงานในวันหยุด และยังคงค้างจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ทั้งสามขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างที่ค้างชำระ ค่าจ้างที่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำค่าทำงานวันหยุดประจำสัปดาห์สินจ้างที่ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า และค่าชดเชยแก่โจทก์ที่ ๑ จำนวน ๑๔,๐๑๖ บาท โจทก์ที่ ๒ จำนวน ๑๓,๖๗๖ บาท โจทก์ที่ ๓ จำนวน ๒๐,๙๔๖ บาท
จำเลยขาดนัดพิจารณา
ศาลแรงงานกลางพิจารณาฝ่ายเดียวและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองจ่ายเงินให้แก่โจทก์ทั้งสามตามฟ้อง
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาคดีใหม่อ้างว่าจำเลยทั้งสองมิได้มีภูมิลำเนาตามฟ้อง
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยชอบด้วยวิธีพิจารณาคดีแรงงานแล้ว จำเลยไม่มาศาลและไม่ยื่นคำร้องภายในกำหนด ๗ วัน ตามมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า บทบัญญัติมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ ที่ว่าในกรณีที่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดตามมาตรา ๔๐ วรรคสองหากจำเลยมาแถลงให้ศาลแรงงานทราบถึงความจำเป็นที่ไม่อาจมาศาลได้ภายใน ๗ วันนับแต่วันที่ศาลแรงงานมีคำสั่ง ศาลแรงงานมีอำนาจไต่สวนถึงเหตุแห่งความจำเป็นนั้นได้ และหากเห็นเป็นการสมควรให้ศาลแรงงานมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งตามมาตรา ๔๐ นั้นใหม่ เสมือนหนึ่งมิได้เคยมีกระบวนพิจารณาเช่นว่านั้น เป็นกรณีที่จำเลยได้รับหมายเรียกและกำหนดนัดพิจารณาแล้ว ถ้าหากแปลว่าส่งหมายเรียกแล้วจำเลยจะทราบหรือไม่ก็ตาม ต้องมาแถลงขอให้ศาลทราบถึงความจำเป็นที่ไม่อาจมาศาล และขอให้พิจารณาคดีใหม่ภายใน ๗ วันแล้ว ในกรณีที่จำเลยไม่ทราบกำหนดนัดพิจารณา ย่อมไม่มีทางจะมาแถลงขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ภายใน ๗ วันตามมาตรานี้ได้เลย และคงมิใช่วัตถุประสงค์ของกฎหมายในอันที่จะยังความเป็นธรรมเพราะมีแต่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ ก็ยังได้กำหนดเวลาให้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ภายในกำหนด ๑๕ วันนับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งแก่จำเลย ฯลฯ ถ้าคู่ความที่ขาดนัดไม่สามารถยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่บัญญัติไว้ข้างบนนี้ โดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ คู่ความนั้นอาจยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายในกำหนด ๑๕ วันนับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง ฯลฯ ซึ่งเป็นการให้โอกาสจำเลยได้ยื่นคำร้องให้พิจารณาคดีใหม่เมื่อทราบผลแห่งคดีแล้วสำหรับความมุ่งหมายแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๑ มิได้แตกต่างไปจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ เพียงแต่ร่นระยะเวลาที่จำเลยจะขอให้พิจารณาใหม่สั้นลงเพียง ๗ วัน เพื่อความรวดเร็วแห่งคดีเท่านั้นแต่ก็ยังต้องมีวัตถุประสงค์ให้การดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นไปด้วยความเป็นธรรมควบคู่อยู่ด้วย คดีนี้เป็นกรณีจำเลยอ้างว่าจำเลยไม่ทราบกำหนดนัดพิจารณาเพราะส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกตามภูมิลำเนาตามฟ้องซึ่งไม่ใช่ภูมิลำเนาแท้จริงตามทะเบียนบ้านของจำเลย เมื่อเป็นดังนี้จึงมีปัญหาว่ากรณีถ้าหากไม่ใช้กำหนดระยะเวลา ๗ วันตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๑ แล้ว จะใช้กำหนดระยะเวลาตามกฎหมายใด ศาลฎีกาเห็นว่าชอบที่จะบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๑ และเมื่อปรากฏว่ายังมิได้มีการส่งคำบังคับ หรือพ้นกำหนด ๖ เดือน นับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์ หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธีอื่นจำเลยย่อมยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้และจำเลยได้ยกเหตุขึ้นอ้างว่าการส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายมิได้ส่งตามภูมิลำเนาที่แท้จริงของจำเลยทั้งสองจำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกหรือกำหนดนัดวันสืบพยาน เพิ่งทราบจากเพื่อนเล่าให้ฟังหลังจากศาลพิพากษาแล้วศาลแรงงานกลางชอบที่ไต่สวนคำร้องของจำเลยทั้งสองก่อน ที่ศาลแรงงานกลางสั่งยกคำร้องของจำเลย ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษายกคำสั่งศาลแรงงานกลางและให้ไต่สวนคำร้องของจำเลยทั้งสองและมีคำสั่งใหม่ต่อไป

Share