แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องบรรยายว่า.จำเลยเข้าไปและปิดกั้นตึกแถวของโจทก์แล้วจำเลยทำให้ทรัพย์สิ่งของของโจทก์ที่อยู่ในตึกแถวเสียหาย โดยมิได้บรรยายชัดแจ้งว่าจำเลยกระทำการใดแก่ทรัพย์สิ่งของต่างๆ ของโจทก์ให้เสียหาย ลำพังจำเลยเข้าไปและปิดกั้นตึกแถวดังกล่าว ย่อมไม่ทำให้เห็นได้ว่าได้ก่อให้เกิดความเสียหาย ทำลายหรือทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์แก่ทรัพย์สิ่งของต่างๆของโจทก์ ความเสียหายของแบตเตอรี่และอาหารบูดเน่านั้นเป็นไปตามสภาพของทรัพย์นั้นเอง หาใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยไม่ ดังนี้ ถือได้ว่า ฟ้องโจทก์ไม่ระบุถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลย กระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 358, 90
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งว่าคดีไม่มีมูลให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาข้อ 2 ข. ว่า ฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องมาแต่เพียงว่าจำเลยทั้งสองเข้าไปและปิดกั้นตึกแถวของโจทก์ แล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันทำให้ทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ ของโจทก์ที่อยู่ในตึกแถวเสียหาย โดยโจทก์มิได้บรรยายโดยชัดแจ้งว่า จำเลยทั้งสองกระทำการใดแก่ทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ ของโจทก์ให้เสียหายหรือทำลาย หรือทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ด้วยเจตนาทำให้เสียทรัพย์แต่อย่างใด ลำพังแต่จำเลยทั้งสองเข้าไปและปิดกั้นตึกแถวดังกล่าวโดยมิได้บรรยายว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำการอย่างใดต่อไปอีก จึงย่อมไม่ทำให้เห็นว่าได้ก่อให้เกิดความเสียหาย ทำลาย หรือทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์แก่ทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ ของโจทก์ ที่โจทก์ฎีกาโต้แย้งว่าโจทก์ได้บรรยายแล้วว่า ทรัพย์สินของโจทก์เสียหายได้เสื่อมค่าจากการปิดกั้นของจำเลย จึงทำให้เข้าใจตามที่บุคคลทั่ว ๆ ไปเข้าใจแล้วว่า ทรัพย์สินที่ต้องเสียหายเพราะมิได้ใช้งาน เช่นแบตเตอรี่ก็ดี อาหารย่อมบูดเน่าก็ดีนั้น เห็นว่า ความเสียหายของแบตเตอรี่และอาหารเป็นไปตามสภาพของทรัพย์นั้นเอง หาใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยแต่อย่างใดไม่ คำบรรยายฟ้องของโจทก์ในข้อนี้จึงถือได้ว่าโจทก์ไม่ระบุถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า จำเลยกระทำผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ที่ศาลล่างทั้งสองเห็นว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีมูลและพิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาจึงเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน