คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5551/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเพียงผู้มีชื่อใน น.ส.3 ในฐานะผู้ถือสิทธิในที่พิพาทไว้แทนผู้รับโอน หาใช่เจ้าของที่พิพาทไม่ การที่จำเลยโอนที่พิพาทให้แก่ผู้รับโอน มิใช่การโอนทรัพย์สินของจำเลยให้แก่ผู้รับโอน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่อาจยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งเพิกถอนการโอนได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 114.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ล้มละลาย และยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อให้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งเพิกถอนการโอนที่ดิน 3 แปลง ซึ่งจำเลยที่ 2 โอนให้นางสุรีย์สพโชคชัย ผู้รับโอน คือที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 89, 448 และ 476/30ตำบลเขาเพิ่ม (ป่าขะ) อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก ซึ่งมีเขตต่อเนื่องเป็นผืนเดียวกัน จำนวน 21 ไร่ 1 งาน 56 ตารางวา ซึ่งการโอนกระทำภายในระหว่างเวลา 3 ปี ก่อนมีการขอให้ล้มละลาย และไม่มีค่าตอบแทน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำการสอบสวนแล้ว มีคำสั่งไม่ขอเพิกถอนการโอน โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้กลับคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำแถลงคัดค้านว่าได้วินิจฉัยถูกต้องแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้รับโอนได้ยึดถือที่พิพาทเพื่อตนและได้สิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367ที่พิพาทจึงเป็นของผู้รับโอน ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้มีชื่อในน.ส.3 ในฐานะเป็นผู้ถือสิทธิในที่พิพาทไว้แทนผู้รับโอน หาได้เป็นเจ้าของที่พิพาทไม่ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 114การโอนทรัพย์สินที่ลูกหนี้ได้กระทำลงในระหว่าง 3 ปี ก่อนมีการขอให้ล้มละลายหรือภายหลัง ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งเพิกถอนได้นั้น จะต้องเป็นการโอนทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้ของโจทก์ จดทะเบียนโอนที่พิพาทของผู้รับโอนเองให้แก่ผู้รับโอน มิใช่เป็นการโอนทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ให้แก่ผู้รับโอนจึงมิใช่กรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งเพิกถอนการโอนได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 114ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ผู้รับโอนมิได้เก็บ น.ส.3 สำหรับที่พิพาทไว้เองปล่อยให้จำเลยที่ 2 นำไปแสดงเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันต่อโจทก์จะอ้างความเป็นเจ้าของที่แท้จริงขึ้นยันโจทก์ไม่ได้นั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าผู้รับโอนยอมให้จำเลยที่ 2 แสดงตนเป็นเจ้าของที่พิพาท หรือยอมให้จำเลยที่ 2 นำ น.ส.3 สำหรับที่พิพาทไปแสดงเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันต่อโจทก์แต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2กระทำไปเอง จะโทษผู้รับโอนหาได้ไม่
พิพากษายืน.

Share