แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมกับจำเลยตกลงกันให้จำเลยเอาแหวนเพชรของโจทก์ร่วมจำนวน 6 วง ราคารวม 216,000 บาทไปขาย ภายในเงื่อนไขว่าจำเลยจะขายในราคาเท่าใดเป็นเรื่องของจำเลย เพียงแต่ว่าภายในเวลาที่กำหนดกันไว้ จำเลยจะต้องนำเงินค่าแหวนแต่ละวงดังกล่าวมาชำระให้โจทก์ร่วม ถ้าขายไม่ได้ให้จำเลยนำแหวนที่เหลือมาคืน ดังนี้ เห็นได้ว่าเมื่อได้รับมอบแหวนไปแล้ว จำเลยจะขายแหวนเหล่านั้นในราคาเท่าใดก็ได้ เพียงแต่จำเลยจะต้องนำเงินมาชำระให้โจทก์ร่วมตามจำนวนที่โจทก์ร่วมตกลงไว้กับจำเลยเท่านั้น หากจำเลยไม่นำเงินมาชำระให้โจทก์ร่วมก็เป็นเพียงการผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งโจทก์ร่วมมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวได้ คดีไม่มีมูลเป็นความผิดทางอาญาฐานยักยอก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายเทียนชัย แต่ตรงจิตต์ ผู้เสียหายได้มอบหมายแหวนเพชร ๖ วง ราคาต่างๆ กันรวมราคา ๒๑๖,๐๐๐ บาท ให้จำเลยไปขาย ถ้าจำเลยขายได้ราคาสูงกว่าที่กำหนดนั้นให้จำเลย จำเลยขายแหวนได้แล้วได้เบียดบังเงินนั้นเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียไม่นำมามอบให้ผู้เสียหาย หรือมิฉะนั้นจำเลยก็เบียดบังยักยอกเอาแหวนทั้ง ๒ วงนั้นไว้โดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาแหวนแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
นายเทียนชัยผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า กรณีเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ร่วมกับจำเลยตกลงกันให้จำเลยเอาแหวนเพชรของโจทก์ร่วมไปขาย ๖ วง ราคารวม ๒๑๖,๐๐๐ บาท ภายในเงื่อนไขว่า จำเลยจะนำไปขายได้เท่าใดเป็นเรื่องของจำเลย เพียงแต่ว่าภายในกำหนดเวลาที่กำหนดกันไว้จำเลยจะต้องนำเงินค่าแหวนแต่ละวงดังกล่าวมาชำระให้โจทก์ร่วม ถ้าขายไม่ได้เหลือเท่าใด จำเลยจะต้องส่งแหวนคืนโจทก์ร่วม ซึ่งเห็นได้ว่าเมื่อได้รับมอบแหวนไปแล้วจำเลยมีสิทธิที่จะขายแหวนเหล่านั้นในราคาเท่าใดก็ได้ เพียงแต่จำเลยจะต้องนำเงินมาชำระให้โจทก์ร่วมตามจำนวนที่โจทก์ร่วมตกลงไว้กับจำเลยเท่านั้น หากจำเลยขายแหวนได้แล้วแต่มิได้นำเงินมาชำระให้โจทก์ร่วมตามที่ตกลงก็เป็นเพียงการผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้เท่านั้น ซึ่งโจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวได้ รูปเรื่องไม่มีมูลเป็นความผิดทางอาญา ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องชอบแล้ว
พิพากษายืน