คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2827/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อ.เป็นผู้เช่าและรับรถยนต์ไปจากโจทก์ จำเลยทำหนังสือสัญญาค้ำประกันผู้เช่าให้ไว้แก่โจทก์ ต่อมาคนร้ายลักรถยนต์ที่เช่าไปขณะอยู่ในครอบครองของ อ.ผู้เช่า สัญญาค้ำประกันมีใจความสารสำคัญว่า จำเลยยินดีชดใช้หรือรับผิดชอบให้กับผู้เช่า ในกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบโดยรับผิดชอบตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ 1. การเสียหายของรถอันเกิดจากอุบัติเหตุหรือรถชนกันถ้าต่ำกว่า 1,000 บาท จำเลยจะต้องรับผิด 2. ถ้าเกิดรถหายในระหว่างเช่าจำเลยจะต้องรับผิดชอบ ดังนี้ จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ก็แต่เฉพาะในกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบ และจำกัดเฉพาะเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา 2 ข้อเท่านั้น ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า ในวันที่รถยนต์หายนั้น อ.ผู้เช่าไปแจ้งที่บริษัทโจทก์ว่ารถหายและมอบกุญแจรถคืนให้โจทก์แล้ว จึงมิใช่เป็นกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบ จำเลยหาจำต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายเอ็ม มาติน ได้เช่ารถยนต์เก๋งไปจากโจทก์ จำเลยได้ทำสัญญาค้ำประกันนายเอ็ม มาติน ตกลงยอมรับผิดเกี่ยวกับเงินค่าเช่าหรือค่าเสียหายจากอุบัติเหตุและยอมรับผิดหากรถยนต์ที่เช่าหายไปในระหว่างเช่า ต่อมาในระหว่างระยะเวลาการเช่า รถยนต์ที่เช่าถูกคนร้ายลักไป ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบรถยนต์แก่โจทก์และใช้ค่าเสียหาย หรือชำระราคารถยนต์และดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ไม่ได้ทำสัญญาค้ำประกันตามฟ้อง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยไม่ต้องรับผิดคืนรถยนต์แก่โจทก์ ค่าเสียหายสูงเกินไป
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยคืนรถยนต์ที่เช่าให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อยหรือใช้ราคาเป็นเงิน ๑๔๒,๐๐๐ บาท กับใช้ค่าเสียหายเท่าดอกเบี้ยของต้นเงิน ๑๔๒,๐๐๐ บาท อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๑๙
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติโดยคู่ความมิได้โต้เถียงกันว่าเมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๑๙ นายเอ็ม มาติน เป็นผู้เช่าและรับมอบรถยนต์เก๋งหมายเลขทะเบียน ก.ท.ฌ. ๓๔๕๓ ไปตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.๓ โดยจำเลยทำหนังสือสัญญาค้ำประกันผู้เช่าให้ไว้แก่โจทก์ ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๔ ต่อมาวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ คนร้ายลักรถยนต์ที่เช่าไปขณะอยู่ในความครอบครองของนายเอ็มผู้เช่า พิเคราะห์แล้วในประเด็นข้อแรก เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยทำหนังสือสัญญาค้ำประกันตามเอกสารหมาย จ.๔ ไว้แล้ว คดีจึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญานั้นเพียงใด สัญญามีใจความสารสำคัญว่า จำเลยยินดีชดใช้หรือรับผิดชอบให้กับผู้เช่า ในกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบ โดยรับผิดชอบตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ ๑. การเสียหายของรถอันเกิดจากอุบัติเหตุหรือรถชนกันถ้าต่ำกว่า ๑,๐๐๐ บาท จำเลยจะต้องรับผิดชอบ ๒. ถ้าเกิดรถหายในระหว่างเช่าจำเลยจะต้องรับผิดชอบ ดังนี้ เห็นว่าตามสัญญา จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดต่อโจทก์ก็แต่เฉพาะในกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบ และความรับผิดก็จำกัดเฉพาะเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา ๒ ข้อเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงยุติดังที่โจทก์นำสืบและศาลชั้นต้นรับฟังมาว่า ในวันที่รถยนต์หายนั้นนายเอ็มผู้เช่าไปแจ้งที่บริษัทโจทก์ว่ารถหายและมอบกุญแจรถคืนให้โจทก์แล้ว ฉะนั้น จึงมิใช่เป็นกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบ จำเลยหาต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาไม่
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.

Share