แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือน ปรับ 1,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี และริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยฟังข้อเท็จจริงว่าของกลางเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเลยใช้ในการกระทำผิด จำเลยฎีกาขอให้สั่งคืนของกลางโดยอ้างว่าของกลางไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด เป็นฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้เพื่อประดิษฐ์กรรมด้วยเครื่องจักร และทำการแปรรูปไม้เป็นเครื่องเรือนภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าพนักงานตรวจพบการกระทำผิดได้จับกุมจำเลยพร้อมด้วยเครื่องซอยไม้ด้วยไฟฟ้า ๑ เครื่อง เครื่องไสไม้ด้วยไฟฟ้า ๑ เครื่อง อันเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่ใช้ในการกระทำผิดและเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลจากการกระทำผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๗,๔๘,๗๓,๗๔ ทวิ ฯลฯ และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ฯลฯ รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก ๑ เดือน ปรับ ๑,๕๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอไว้ ๑ ปี ไม่ชำระค่าปรับกักขังแทน ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์ว่า เครื่องซอยไม้และเครื่องไสไม้ของกลางไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิด ขอให้สั่งคืน
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ของกลางเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเลยใช้ในการกระทำผิด ต้องริบ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ๑ เดือน ปรับ ๑,๕๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปี และริบของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยฟังข้อเท็จจริงว่าของกลางเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเลยใช้ในการกระทำผิด ดังนี้ การที่จำเลยฎีกาขอให้สั่งคืนของกลาง โดยอ้างว่าเครื่องซอยไม้และเครื่องไสไม้ของกลางไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด จึงเป็นฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๙ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลย.