แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยอุทธรณ์ พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลแรงงานกลางสั่งอุทธรณ์ว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์โต้เถียงการฟังข้อเท็จจริงของศาลแรงงานกลางและโต้เถียงดุลพินิจของศาลแรงงานกลางที่สั่งให้รับโจทก์กลับเข้าทำงานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามมาตรา 54 แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 จึงไม่รับอุทธรณ์ และสั่งคำร้องว่า ศาลสั่งไม่รับ อุทธรณ์ของจำเลยแล้ว คำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยจึงตกไป
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ที่ว่า การที่ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงเพียงว่าพยานจำเลยไม่พอฟังว่าโจทก์ทุจริตแล้ววินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ และได้วินิจฉัยต่อไปว่าการกระทำของจำเลยเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม โดยมิได้หยิบยกเอาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับขั้นตอนการสอบสวนความผิดของโจทก์ที่จำเลยได้กระทำไปก่อน ที่จะไล่โจทก์ออกขึ้นวินิจฉัย เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายและแม้การกระทำของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่แต่เมื่อการกระทำของโจทก์มีเหตุเพียงพอและเป็นการกระทำอันผิดระเบียบวินัยข้อบังคับของจำเลย จำเลยก็มีสิทธิเลิกจ้างได้โดยไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ล้วนเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยโปรดมีคำสั่งรับอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 63)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดิมหรือเทียบเท่า และอัตราค่าจ้าง ไม่ต่ำกว่าเดิม โดยนับอายุงานต่อเนื่อง คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 58)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 60)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าการเลิกจ้างโจทก์จำเลยกระทำไปโดยสุจริต ไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนตามระเบียบข้อบังคับของจำเลย ซึ่งศาลแรงงานกลางจะต้องนำมาวินิจฉัยว่าจำเลยเลิกจ้าง โจทก์โดยไม่เป็นธรรมหรือไม่นั้น จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลางต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่าการสอบสวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จำเลยจึงไล่โจทก์ออกจากงานซึ่งเท่ากับอุทธรณ์ว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ตามที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้นั้นเป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางที่รับฟังข้อเท็จจริงว่า ยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 ที่ศาลแรงงานกลางไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยนั้นชอบแล้ว และเมื่อมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ก็ไม่จำต้องพิจารณาสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยอีก ให้ยกคำร้อง