แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยซื้อหินและทรายจากโจทก์ ตกลงกันว่า หินและทรายที่โจทก์ส่งให้นั้นถึงสิ้นเดือนจึงจะคิดบัญชีกันครั้งหนึ่งและจำเลยจะต้องชำระราคาภายใน 7 วันนับแต่วันคิดบัญชี ดังนี้ สิทธิเรียกร้องให้ชำระราคาของโจทก์ย่อมจะเกิดขึ้นในวันสิ้นเดือนของแต่ละเดือนและสิทธิเรียกร้องดังกล่าวนั้น โจทก์จะต้องฟ้องเรียกร้องเสียภายในกำหนดสองปี มิฉะนั้นเป็นอันขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ทำสัญญารับเหมาก่อสร้างกับกองทัพอากาศ และจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๑ ได้สั่งซื้อวัสดุก่อสร้างจำพวกหินทรายจากโจทก์เพื่อใช้ในกิจการก่อสร้างดังกล่าว ตกลงคิดราคารวมยอดชำระเงินทุก ๆ สิ้นเดือนทุกเดือนไป โจทก์ส่งหินทรายตามคำสั่งของจำเลย จำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์ตามข้อตกลงตลอดมาจนกระทั่งเมื่อระหว่างเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๕ ถึงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๑๕ จำเลยค้างชำระค่าทรายและหินรวมทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดเป็นเงิน ๑๔๔,๙๒๘ บาท ๕๔ สตางค์ ขอศาลบังคับจำเลยทั้งสามให้ร่วมกันชำระเงินที่ค้างพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมคดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องจำเลยที่ ๑ ไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และมิได้เชิดหรือมอบอำนาจให้ผู้ใดเชิด จำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทน จำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งซื้อวัสดุก่อสร้างเอง ไม่เคยมอบอำนาจให้ผู้ใดเป็นตัวแทนสั่งซื้อ โจทก์มิได้ทวงถาม ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์ไม่ยื่นคำขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การภายใน ๑๕ วันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙๘ ศาลสั่งจำหน่ายคดีจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม จำเลยที่ ๓ เป็นตัวแทน จำเลยที่ ๑ ได้เป็นผู้สั่งซื้อหินทรายจากโจทก์ จำเลยที่ ๑ จะต้องรับผิดต่อโจทก์ แต่สิทธิเรียกร้องของโจทก์มีอายุความเพียง ๒ ปี ที่เรียกร้องให้ชำระราคาก่อนวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๑๕ ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕ คงให้จำเลยที่ ๑ รับผิดชำระราคาค่าหินทรายที่ส่งมอบในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๑๕ เป็นต้นมา พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระหนี้ที่ค้างพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์และจำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม จำเลยที่ ๑ ได้ซื้อหินทรายจากโจทก์โดยจำเลยที่ ๓ เป็นตัวแทนสั่งซื้อ โจทก์บอกกล่าวทวงถามแล้ว หินทรายที่โจทก์ส่งมอบในเดือนมิถุนายน ๒๕๑๕ ขาดอายุความที่ส่งมอบในเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๕ เป็นต้นมายังไม่ขาดอายุความ คิดคำนวณแล้วเป็นเงิน ๑๒๘,๒๘๐ บาท ๒๐ สตางค์ พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ ๑ ชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน ๑๒๘,๒๘๐ บาท ๒๐ สตางค์ พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่าจำเลยที่ ๑ ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ ไม่ได้นั้น พยานโจทก์มีเรืออากาศโทประยูร เกิดสุข เรืออากาศเอกบันเทิง คล้ายกูล ซึ่งเป็นหัวหน้าควบคุมการก่อสร้างของกองทัพอากาศเบิกความว่า เห็นจำเลยที่ ๓ เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างของจำเลยที่ ๑ และเห็นโจทก์นำหินและทรายไปส่งที่บริเวณก่อสร้าง มีนายคล้ายลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ เป็นผู้เซ็นรับ จำเลยที่ ๓ ได้เบิกความเป็นพยานโจทก์ยืนยันว่าเป็นลูกจ้างและเป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๑ สั่งซื้อหินและทรายจากโจทก์ นอกจากนี้ตามใบรับของชั่วคราวเอกสารหมาย จ.๑ ถึง จ.๒๕๕ ที่โจทก์อ้างส่งศาลก็ปรากฏชัดเจนว่าโจทก์ส่งหินและทรายไปใช้ในงานที่โรงเรียนนายเรืออากาศดอนเมือง มีนายคล้ายเป็นผู้เซ็นรับของส่วนมาก จำเลยที่ ๑ รับว่าเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโรงเรือนนายเรือนอากาศ แต่นำสืบปฏิเสธโต้แย้งลอย ๆ ว่าไม่เคยซื้อหินทรายจากโจทก์นั้น ไม่มีเหตุผลให้รับฟัง ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยที่ ๑ ได้ซื้อหินทรายจากโจทก์โดยจำเลยที่ ๓ เป็นลูกจ้างเป็นตัวแทนในการสั่งซื้อ ชอบแล้วฎีกาของจำเลยที่ ๑ ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต่อไปว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่เพียงไร โจทก์เบิกความว่าหินและทรายที่ส่งให้จำเลยที่ ๑ นั้น ถึงสิ้นเดือนจึงจะคิดบัญชีกันครั้งหนึ่ง และจะต้องชำระราคาภายใน ๗ วัน จำเลยที่ ๑ ไม่ได้นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่น คดีมีเหตุผลให้รับฟังเพราะโจทก์ส่งหินและทรายให้จำเลยที่ ๑ เป็นจำนวนมาก ทะยอยส่งเป็นรายวัน บางวันส่งเที่ยวเดียว บางวันหลายเที่ยว จะให้ชำระเงินกันทุกครั้งที่ส่งย่อมไม่สะดวก หินและทรายที่ส่งในเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๕ สิทธิเรียกร้องให้ชำระราคาของโจทก์จะเกิดขึ้นในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๑๕ โจทก์นำมาฟ้องเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๑๗ ไม่ขาดอายุความ ส่วนหินและทรายที่ส่งในเดือนมิถุนายน ๒๕๑๕ ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕ (๑) ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า การแต่งตั้งจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ เป็นตัวแทนในการซื้อหินและทรายครั้งนี้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือเป็นการไม่ชอบนั้น ประเด็นข้อนี้จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน